"สุริยะ"คาดแลนด์บริดจ์ ศึกษาเสร็จในปี 67 พร้อมเปิดประมูลเฟสที่ 1/1 มูลค่ากว่า 5.2 แสนล้านบาท ดึงเอกชนลงทุนสร้างท่าเรือ 2 ฝั่ง (จ ชุมพร และจ.ระนอง) รองรับ 4 -6 ล้านทีอียู สัมปทาน 50 ปี มั่นใจคุ้มค่า พร้อมเร่งออก พ.ร.บ.เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (พ.ร.บ. SEC) อำนวยความสะดวก
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงโครงการสะพานเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย -อันดามัน (ชุมพร-ระนอง) หรือแลนด์บริดจ์ วงเงินโครงการ 1 ล้านล้านบาท อาจจะไม่คุ้มค่าในการลงทุนว่า โครงการ แลนด์บริดจ์นั้น สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) มีการศึกษารายละเอียด รวมถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมต่างๆ ซึ่งผลการศึกษาเบื้องต้น มีความเป็นไปได้ในทางที่ดี ทางกระทรวงคมนาคมได้มีการพูดคุยกับภาคเอกชนแล้วบางส่วนทั้งนักลงทุนสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และซาอุดิอาระเบีย โดยผลการตอบรับทั้งนักลงทุนและสายการเดินเรือต่างประเทศต่างก็ให้ความสนใจ
นายสุริยะกล่าวว่า ขณะนี้ สนข.ดำเนินการศึกษาคืบหน้าไปแล้วกว่า 99% คาดว่าภายในปี 2567 นี้ ผลการศึกษาจะแล้วเสร็จและพร้อมเปิดประมูลเฟสที่ 1/1 ที่มีมูลค่ารวม 522,844.08 ล้านบาท ประกอบด้วย การก่อสร้างท่าเรือ 2 ฝั่ง(จ ชุมพร และจ.ระนอง) มูลค่ารวม 260,235.51 ล้านบาท แบ่งเป็น ท่าเรือฝั่งชุมพร มูลค่าลงทุน 118,519.50 ล้านบาท รองรับ 4 ล้านทีอียู ก่อสร้างท่าเรือฝั่งระนอง มูลค่าลงทุน 141,716.02 ล้านบาท รองรับ 6 ล้านทีอียู, พื้นที่เปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้า (SRTO) มูลค่ารวม 60,892.56 ล้านบาท แบ่งเป็น พื้นที่ฝั่งชุมพร มูลค่าลงทุน 38,113.45 ล้านบาท พื้นที่ฝั่งระนอง มูลค่าลงทุน 22,779.11 ล้านบาท และเส้นทางเชื่อมโยง มูลค่ารวม 201,716 ล้านบาท ประกอบด้วย มอเตอร์เวย์ขนาด 4 ช่องจราจร และรถไฟทางคู่ ขนาด 1 เมตร และขนาด 1.435 เมตร
นายสุริยะ ยืนยันว่า โครงการนี้ภาครัฐจะออกค่าใช้จ่ายเฉพาะการเวนคืนเท่านั้น ส่วนการลงทุนอื่นๆ ทางเอกชนจะเป็นผู้ลงทุน หากไปรับฟังมาแล้ว เอกชนยืนยันว่าจะลงทุน คิดว่าในการลงทุนขนาดใหญ่แบบนี้ ในสายตาเอกชนจะต้องมองเห็นอย่างแน่นอนว่า โครงการนี้คุ้มทุนและส่วนตัวก็เชื่อมั่นว่า ทางเอกชนที่เคยโรดโชว์จะเข้ามาลงทุน
“อย่างไรก็ตาม ผมขอขอบคุณความเห็นจากหลายๆ ภาคส่วนที่ให้ความห่วงใยโครงการนี้ แต่สุดท้ายความคุ้มค่าของโครงการนี้ จะอยู่ที่เอกชนว่าจะลงทุนตั้งแต่เฟสแรกซึ่งมีมูลค่ากว่า 500,000 ล้านบาท ผมเชื่อว่านักลงทุน จะพิจารณาอย่างดี พอไปรับฟังความเห็นเอกชนทั้งหมดแล้ว ก็จะมาสู่การออกกฎหมายคือ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (พ.ร.บ. SEC) เพราะกฎหมายนี้จะช่วยให้อำนวยความสะดวกในบางประเด็นได้ เช่น การกำหนดอายุสัมปทาน 50 ปี เหมือนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)”
นายสุริยะกล่าวว่า ช่วงระหว่างวันที่ 10- 12 มกราคม 2567 นี้ จะร่วมเดินทางไปตรวจราชการ ณ จังหวัดเชียงใหม่กับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยกระทรวงคมนาคม ภารกิจสำคัญใรการติดตามเร่งรัดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบขนส่งสาธารณะ ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ประกอบด้วย โครงการระบบขนส่งต่างๆ และการส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งในจ.เชียงใหม่ มีโครงการสำคัญ อาทิ ถนนวงแหวนรอบเมืองเชียงใหม่ รอบที่ 1 (ทางหลวงหมายเลข 11 และทางหลวงหมายเลข 1141) ระยะทางรวม 18.238 กิโลเมตร, ถนนวงแหวนรอบเมืองเชียงใหม่ รอบที่ 3 (ทางหลวงหมายเลข 121 ระยะทางรวม 52.957 กิโลเมตร, แผนพัฒนาทางแยกระดับถนนวงแหวนรอบเมืองเชียงใหม่ รอบที่ 3, การพัฒนาถนนเลี่ยงเมืองแม่ริม อำเภอแม่ริม อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ระยะทาง 45 กิโลเมตร และการพัฒนาถนนเลี่ยงเมืองต้นเปา (ชม.3029-ทล.1006) ระยะทาง 16.50 กิโลเมตร
รวมถึงโครงการระบบราง ได้แก่ แผนแม่บทการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะจังหวัดเชียงใหม่ (CM-PMAP) โดยมีระบบหลัก (Trunk Route, LRT) ประกอบด้วย สายสีแดง ระยะทาง 12.54 กิโลเมตร จำนวน 12 สถานี สายสีน้ำเงินระยะทาง 10.47 กิโลเมตร จำนวน 13 สถานี สายสีเขียว ระยะทาง 11.92 กิโลเมตร จำนวน 10 สถานี และระบบ Feeder (รถประจำทาง) ประกอบด้วย ระบบรอง จำนวน 7 เส้นทาง ระยะทาง 89 กิโลเมตร ระบบเสริม จำนวน 7 เส้นทาง ระยะทาง 85 กิโลเมตร และโครงการรถไฟฟ้า (Light Rail Transit : LRT) สายสีแดง (โรงพยาบาลนครพิงค์-แยกแม่เหียะสมานสามัคคี) ปัจจุบันอยู่ระหว่างพิจารณารูปแบบการดำเนินโครงการที่เหมาะสม และพิจารณาผลการศึกษาเปรียบเทียบร่วมกันของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม