“พิพัฒน์”ลงพื้นที่”สงขลา” เร่งพัฒนาโครงข่ายคมนาคมครบทุกมิติ–สะพานข้ามทะเลสาบ เชื่อม สงขลา–พัทลุง เซ็นรับเหมา ธ.ค.นี้ ลุยไทยแลนด์ริเวียร่า, รถไฟทางคู่ 3 สาย และ สนามบินหาดใหญ่ สู่เมืองแห่งการเดินทางเชื่อมชายแดนใต้ สั่งผลักดัน “ตู้ละหมาด” รองรับผู้โดยสารมุสลิม
วันที่ 31 ตุลาคม 2568 ณ ห้องประชุมท่าอากาศยานหาดใหญ่จังหวัดสงขลา นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุมแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการขับเคลื่อนนโยบายด้านคมนาคมขนส่งในพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อบูรณาการแผนงานของทุกหน่วยงานในสังกัด ทั้งทางถนน ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ โดยมี ดร. รัชพงษ์ ชูแก้ว เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายนิพนธ์ บุญญามณี ประธานคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายภุชงค์ วรศรี ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นาวาอากาศเอก (ดร.) อธิคุณ คงมีประธานคณะทำงานรองนายกรัฐมนตรี นายชูชีพ ธรรมเพชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคมพร้อมด้วยผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม เข้าร่วมประชุม
นายพิพัฒน์กล่าวว่า จังหวัดสงขลาเป็น “ศูนย์กลางเศรษฐกิจและคมนาคมของภาคใต้ตอนล่าง” เชื่อมโยงการค้า การท่องเที่ยว และการขนส่งระหว่างประเทศกับมาเลเซีย กระทรวงคมนาคมจึงเร่งผลักดันแผนพัฒนาในทุกมิติให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมภายในรัฐบาลชุดปัจจุบัน ภายใต้แนวคิด “4 เดือนเห็นผลจริง เพื่อพี่น้องสงขลา”
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า มิติทางถนน เชื่อมเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การค้าชายแดน มอบให้ กรมทางหลวง (ทล.) และ กรมทางหลวงชนบท (ทช.) เร่งดำเนินโครงการสำคัญในจังหวัดสงขลา โครงการทางเลี่ยงเมืองหาดใหญ่ (ด้านตะวันออก) ตอนบ้านพรุ–สนามบินหาดใหญ่ ระยะทาง 7.18 กม. เพื่อบรรเทาการจราจรในเขตเมือง ของกรมทางหลวง และให้ปลัดกระทรวงคมนาคมเร่งเรื่องการเวนคืน และให้กรมทางหลวงเดินหน้าก่อสร้างทันที
ส่วนกรมทางหลวงชนบท ได้แก่ โครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา เชื่อมอำเภอกระแสสินธุ์ (สงขลา) – อำเภอเขาชัยสน (พัทลุง) ระยะทางกว่า 7 กม. ซึ่งจะลงนามสัญญาภายในเดือนธันวาคมนี้ โดยจะมีการดำเนินการศูนย์อนุบาลปลาโลมา เพื่อดูแลสัตว์น้ำในทะเลสาบ ,ถนนสาย Riviera เชื่อมเส้นทางท่องเที่ยวชายฝั่งอ่าวไทย เปิดเส้นเศรษฐกิจใหม่ให้พี่น้องชายฝั่งได้ค้าขายและท่องเที่ยวได้สะดวก และถนนเชื่อมต่อหาดชลาทัศน์ – เขาเก้าเส้ง และ ถนนเชื่อมด่านสุไหงโก-ลก สู่มาเลเซีย เพื่อรองรับการค้าชายแดน
มิติทางราง ก่อสร้างรถไฟทางคู่ และพัฒนาระบบรางสมัยใหม่ เป็นเมืองแห่งการเดินทาง โดย กรมการขนส่งทางราง (ขร.) และ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) รายงานความคืบหน้าโครงการสำคัญในพื้นที่ภาคใต้ ได้แก่ รถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงสุราษฎร์ธานี – ชุมทางหาดใหญ่ – สงขลา ระยะทาง 321 กม. โครงการรถไฟหาดใหญ่ – ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. รองรับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ การพัฒนาสถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ และสถานีปาดังเบซาร์ ให้เป็นศูนย์กลางขนส่งสินค้า (Container Yard) เชื่อมเครือข่ายกับด่านชายแดน
นายพิพัฒน์กล่าวว่า ได้สั่งการเพิ่มเติมให้ ศึกษาการติดตั้ง “ตู้ละหมาด” สำหรับผู้โดยสารมุสลิม ในสถานีรถไฟและท่าอากาศยานหลักของภาคใต้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้พี่น้องชาวมุสลิมที่ต้องเดินทางจำนวนมากในแต่ละวันภาคใต้เป็นพื้นที่ที่พี่น้องมุสลิมอาศัยอยู่มาก การเดินทางต้องสะดวกและเคารพความเชื่อทางศาสนา ตู้ละหมาดจะเป็นอีกหนึ่งบริการที่อยากให้เกิดขึ้นจริง
สำหรับมิติทางน้ำ จะมีการยกระดับท่าเรือสงขลา สู่โลจิสติกส์ชายฝั่ง โดย กรมเจ้าท่า (จท.) รายงานผลการขุดลอกร่องน้ำและบำรุงรักษาท่าเรือชายฝั่งสงขลา รวมถึง ท่าเรือสงขลา เพื่อรองรับเรือสินค้าและเรือท่องเที่ยว โครงการศึกษาพัฒนา ท่าเรือรองรับเรือสำราญ (Cruise Port สงขลา) ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของภาคใต้ตอนล่าง นอกจากนี้ ยังมีแผนก่อสร้างเขื่อนป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณ ปากน้ำเทพา และการขุดลอกร่องน้ำต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเดินเรือและการประมง
มิติทางอากาศ พัฒนา สนามบินหาดใหญ่ สู่ประตูการบินภาคใต้ โดยบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) หรือ AOT รายงานว่า ท่าอากาศยานหาดใหญ่มีผู้โดยสารกว่า 2.5 ล้านคนต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เตรียมปรับแผนแม่บทการพัฒนา (พ.ศ. 2573–2577) เพื่อขยายอาคารผู้โดยสาร ลานจอดอากาศยาน และคลังสินค้าใหม่
นายพิพัฒน์กล่าวว่า ทุกโครงข่ายคมนาคมของสงขลา ไม่ว่าจะเป็นทางถนน ทางราง ทางน้ำ หรือทางอากาศ จะต้องพัฒนาไปพร้อมกัน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน และสร้างความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และสิ่งแวดล้อม ขอให้พี่น้องสงขลาเชื่อมั่นว่า รัฐบาลนี้จะทำให้เห็นผลจริงใน 4 เดือน ทั้งสะพาน ถนน ราง เรือ และเครื่องบิน เราจะทำให้สงขลาเป็นเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ตอนล่างอย่างแท้จริง


