กรมพัฒนาธุรกิจการค้าส่งหนังสือเชิญชวนหน่วยงานภาครัฐอีก 226 หน่วยงานทั่วประเทศเข้าใช้บริการระบบให้บริการเชื่อมโยงข้อมูลธุรกิจ (BDEX) เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลนิติบุคคลแบบเรียลไทม์ ไม่ต้องเรียกสำเนาเอกสาร ช่วยอำนวยความสะดวกประชาชนและภาคธุรกิจ ทั้งลดภาระค่าใช้จ่าย ลดระยะเวลาดำเนินงาน และดันสู่เป้าหมายรัฐบาลดิจิทัล
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 2568 ที่ผ่านมา กรมได้มีหนังสือแจ้งเชิญชวนภาครัฐทั่วประเทศ 226 หน่วยงานที่ยังไม่ได้เชื่อมโยงข้อมูล ให้เข้าใช้บริการระบบให้บริการเชื่อมโยงข้อมูลธุรกิจ (Business Data Exchange : BDEX) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มกลางในการเชื่อมโยงข้อมูลแบบ Real Time ในรูปแบบ Web Service ที่ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงข้อมูลนิติบุคคลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันได้ทันที และยังมีหนังสือแจ้งสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) เพื่อช่วยเหลือสนับสนุนการดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลดังกล่าวให้สัมฤทธิผลด้วย
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีหน่วยงานภาครัฐเชื่อมโยงข้อมูลแล้ว 155 หน่วยงาน และหากดำเนินการสำเร็จจะทำให้มีหน่วยงานรัฐเชื่อมโยงข้อมูลนิติบุคคลกับกรมรวม 381 หน่วยงาน ซึ่งจะทำให้ไม่ต้องเรียกสำเนาเอกสารที่ภาครัฐออกให้จากภาคธุรกิจและประชาชนอีกต่อไป และช่วยเสริมสร้างระบบข้อมูลภาครัฐแบบบูรณาการอย่างสมบูรณ์แบบในอนาคตเพื่อก้าวสู่รัฐบาลดิจิทัลเต็มรูปแบบ พร้อมทั้งช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย และลดระยะเวลาการดำเนินงานของภาคธุรกิจและประชาชนได้อย่างสัมฤทธิ์ผล
ก่อนหน้านี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2561 เห็นชอบมาตรการอำนวยความสะดวก และลดภาระแก่ประชาชน (การไม่เรียกสำเนาเอกสารที่ทางราชการออกให้จากประชาชน) โดยให้หน่วยงานของรัฐทุกหน่วยงานดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกันสำหรับใช้ตรวจสอบข้อมูลได้โดยตรง ไม่ต้องเรียกสำเนาเอกสารจากภาคธุรกิจและประชาชน ส่งผลให้บริการภาครัฐมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
จากนั้นกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ดำเนินการในเฟสแรก โดยร่วมมือกับสำนักงาน ก.พ.ร. หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประกาศความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ 10 แห่ง เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2567 ยกเลิกการเรียกเอกสารนิติบุคคลจากประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม และสนับสนุนการใช้ข้อมูลร่วมกันระหว่างหน่วยงานรัฐ ต่อมาวันที่ 16 ธ.ค. 2567 ได้ขยายความร่วมมือเพิ่มเติมอีก 12 หน่วยงาน รวมเป็น 22 หน่วยงาน โดยการบูรณาการความร่วมมือดังกล่าวช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในภาพรวมได้มากกว่า 7,100 ล้านบาทต่อปี ทั้งในมิติด้านระยะเวลา การใช้เอกสาร และค่าเสียโอกาสในการทำงาน อย่างเห็นผลเป็นรูปธรรม
“หากหน่วยงานภาครัฐทั้ง 381 หน่วยงาน ได้เชื่อมโยงข้อมูลกับกรมในรูปแบบ Web Service และนำไปใช้งานอย่างต่อเนื่อง มั่นใจว่าจะสามารถลดภาระค่าใช้จ่าย ลดระยะเวลาการเดินทางและการดำเนินธุรกิจได้อย่างมหาศาล ส่งผลให้ประเทศไทยมีขีดความสามารถทางการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้น สามารถดึงดูดนักธุรกิจจากทั่วโลกให้เข้ามาลงทุนดำเนินธุรกิจในไทย ส่งผลให้เศรษฐกิจประเทศมีความแข็งแกร่ง และที่สำคัญ คือ บรรลุเจตนารมณ์มุ่งสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลที่มีความสมบูรณ์แบบ มีความโปร่งใส และมีการให้บริการที่รวดเร็วทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ” นายพูนพงษ์กล่าว