xs
xsm
sm
md
lg

“ศุภจี” โชว์แผนรับมือโลกผันผวน ลุยเพิ่มรายได้เกษตร หาตลาดใหม่ ลดค่าครองชีพ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ศุภจี” โชว์วิชันรับมือความผันผวนโลก ทั้งปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้า การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจ ยันนำพาณิชย์เดินหน้า 3 ยุทธศาสตร์ ภายใต้ 7 นโยบาย Quick Big Win เน้นเพิ่มรายได้เกษตรกร ขยายตลาดใหม่และเร่งเจรจา FTA และลดภาระค่าครองชีพ

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนา Thailand Economic Outlook 2026 “Out of The Trap” หัวข้อ “Thailand’s Opportunities & Challenges” ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันเต็มไปด้วยความผันผวนจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้า และการเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างเศรษฐกิจ ทำให้ไทยต้องเร่งปรับตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน และใช้ประโยชน์จากโอกาสใหม่ที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ โลกยังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงใน 4 เทรนด์สำคัญ ได้แก่ 1. De-globalization การกระจายตัวของห่วงโซ่อุปทานและการลดการพึ่งพา 2. De-carbonization การขับเคลื่อนเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ที่ไทยต้องเร่งปรับตัว โดยเฉพาะมาตรการ CBAM ของสหภาพยุโรป 3. Digitalization การเปลี่ยนผ่านด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI ซึ่งอาจเป็นทั้งโอกาสและอุปสรรค และ 4. Demographics โครงสร้างประชากรที่เข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ ส่งผลต่อกำลังแรงงานและศักยภาพการผลิต

ขณะที่เศรษฐกิจไทยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาเติบโตเฉลี่ยปีละ 5% แต่ปัจจุบันลดเหลือราว 2% และคาดว่าปี 2568 จะเติบโตเพียง 1.8-2.3% ส่วนเงินเฟ้อทั่วไปติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ลดลง 0.76% ในเดือน ก.ย. 2568 ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะเงินฝืด หากไม่เร่งกระตุ้นดีมานด์ภายในประเทศ

ส่วนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้หลุดจากกับดักต้องอาศัยการปรับแนวคิดและโครงสร้างเศรษฐกิจครั้งใหญ่บน 3 หลักการสำคัญ ได้แก่ 1. Demand-Driven Economy แทนSupply-Driven Economy ไทยต้องปรับจากการผลิตตามกำลัง (Supply) ไปสู่การผลิตตามความต้องการของตลาด (Demand) โดยใช้ข้อมูลเชิงลึก (Market Intelligence) และเทคโนโลยีดิจิทัลมาวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อให้การผลิตสินค้าและบริการตอบโจทย์ตลาดจริง โดยเฉพาะตลาดใหม่ในต่างประเทศ 2. ไทยต้องพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารสู่อาหารอนาคต (Future Food) เช่น อาหารสุขภาพ อาหารโปรตีนทางเลือก และอาหารฟังก์ชัน ที่สอดคล้องกับแนวโน้มความยั่งยืนของโลก (Sustainability) พร้อมสร้าง Value Chain ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก 
3. Technology Transformation & Digital Empowerment การนำเทคโนโลยีและAI มาใช้ยกระดับทุกมิติของการค้า ตั้งแต่การผลิต การกระจายสินค้า ไปจนถึงการให้บริการภาครัฐ เช่น แพลตฟอร์มMOC+(+ คือ ประชาชน) ที่กระทรวงพาณิชย์กำลังพัฒนา เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการต่าง ๆ ได้สะดวก โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ

นางศุภจีกล่าวว่า ถ้าเราไม่เปลี่ยน เราแย่แน่นอน โดยแนวคิดหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของกระทรวงพาณิชย์ คือ กระตุ้นสั้น ได้ยาว กระจายตัว ผ่าน 3 ยุทธศาสตร์ และ 7 นโยบาย Quick Big Win เพื่อเสริมรายได้ให้เกษตรกร สร้างตลาดใหม่ และลดค่าครองชีพประชาชน โดยยุทธศาสตร์ที่ 1 จะเร่งเสริมรายได้ โดยเฉพาะภาคเกษตร ปีนี้ไทยมีข้าวราว 25.8 ล้านตัน มีข้าวหอมมะลิ 6.8 ล้านตัน ซึ่งตลาดรองรับได้ดี ทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่ยังมีสต๊อกข้าว 1.8 ล้านตันที่ต้องบริหารให้ได้ราคาดีที่สุด กระทรวงพาณิชย์ได้ออกโครงการลดต้นทุนเกษตรกร เช่น โครงการธงเขียว ลดราคาปุ๋ย พร้อมดูแลสมดุลอุปสงค์อุปทาน เพื่อดูดซับผลผลิตส่วนเกิน และช่วยให้ราคาข้าวอยู่ในระดับเหมาะสม

ยุทธศาสตร์ที่ 2 สร้างและขยายตลาดใหม่ โดยปัจจุบันไทยมี FTA แล้ว 14 ฉบับ ครอบคลุม 18 ประเทศ และเพิ่งลงนามกับกลุ่ม EFTA (ยุโรป 4 ประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ ลิกเตนสไตน์) ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสู่การเจรจา FTA กับสหภาพยุโรป (EU) และกำลังเร่งเจรจา FTA กับสหภาพยุโรปและเกาหลีใต้ เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในต้นปีหน้า พร้อมกระตุ้นให้ภาคเอกชนใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA ที่มีอยู่ให้มากขึ้น และในส่วนของตลาดใหม่ ได้วางแผนจัด Trade Mission เจาะตลาดที่มีศักยภาพ เช่น อินเดีย ซาอุดีอาระเบีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา และละตินอเมริกา โดยทำการบ้านล่วงหน้าร่วมกับภาคเอกชนเพื่อให้สินค้าตรงกับความต้องการของตลาดเป้าหมาย ทั้งด้านคุณภาพ ขนาด และบรรจุภัณฑ์

ยุทธศาสตร์ที่ 3 ลดค่าครองชีพประชาชน จะจัดโครงการธงฟ้า ต่อเนื่องกว่า 1,300 ครั้งทั่วประเทศ โดยปีนี้จะขยายสู่พื้นที่ชายแดน 7 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาชายแดน เพื่อช่วยประชาชนลดค่าครองชีพ พร้อมเปิดความร่วมมือใหม่กับสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เพื่อเพิ่มความโปร่งใสด้านราคายา โดยประชาชนสามารถเลือกซื้อยาภายนอกโรงพยาบาลได้ในราคามาตรฐาน ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดภาระค่าครองชีพด้านยาได้ 32,400 ล้านบาทต่อปี และจะร่วมกับไปรษณีย์ไทย และพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ผลักดันสินค้าชายแดนและสินค้าชุมชน

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์จะใช้เทคโนโลยีดิจิทัล แพลตฟอร์ม MOC+ และ AI มาเป็นเครื่องมือสำคัญ เป็นช่องทางในการให้ประชาชนเข้ามาร้องเรียน ขอใบอนุญาตหรือเรื่องอื่นๆ บูรณาการให้ท่านเข้าถึงสะดวกสบายมากที่สุด ให้เราสามารถแข่งขันได้ในระยะเวลาที่ทันท่วงที รวมทั้งมีแผนที่จะผลักดัน Value-Based Economy ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม เน้นในเรื่องของคุณค่า


กำลังโหลดความคิดเห็น