xs
xsm
sm
md
lg

DITP รับนโยบาย “ศุภจี” ลุยช่วยผู้ประกอบการส่งออก เป้าทำเงิน 8,900 ล้านใน 4 เดือน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) รับนโยบาย “ศุภจี” เตรียมเดินหน้าลุย Quick Big Win ผลักดันส่งออกช่วง 4 เดือน ทั้งรักษาตลาดเดิม บุกตลาดใหม่ เจาะตลาดศักยภาพ จัดออนไลน์บิสสิเนสแมชชิ่ง และดัน SME เข้าร่วมกิจกรรมขยายตลาด ตั้งเป้าสร้างมูลค่าการค้า 8,900 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าพัฒนาผู้ประกอบการ สร้างมูลค่าเพิ่มสินค้า บริการ พัฒนาช่องทางตลาด บริการข้อมูลการค้า

น.ส.สุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 ต.ค.2568 ที่ผ่านมา นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการดำเนินงานให้แก่ DITP เพื่อขับเคลื่อนภารกิจการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เพิ่มมูลค่าการส่งออก รักษาตลาดเดิม และขยายสู่ตลาดใหม่ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้นโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล โดยได้มอบนโยบายให้ขับเคลื่อนการทำงานอย่างบูรณาการ “กระตุ้นสั้น ได้ยาว กระจายตัว” เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนในระยะสั้น ควบคู่กับการวางรากฐานระยะยาว โดยเน้นให้ใช้ข้อมูลเชิงลึกพัฒนาแนวทางการส่งเสริมการค้ารายสินค้าและรายตลาด พร้อมปรับวิธีการทำงานให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก และตอบสนองต่อความต้องการของผู้ประกอบการไทยอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ DITP ได้นำเสนอแนวทางการดำเนินงานตามนโยบาย Quick Big Win ที่มุ่งสร้างผลลัพธ์เชิงเศรษฐกิจภายใน 4 เดือน (ต.ค.2568–ม.ค.2569) โดยตั้งเป้าสร้างมูลค่าการค้ารวม 8,910 ล้านบาท และให้ผู้ประกอบการได้รับประโยชน์กว่า 1,270 ราย จำนวน 4 มาตรการ ได้แก่ 1.เพิ่มมูลค่าการส่งออก รักษาตลาดเดิม บุกตลาดใหม่ 20 กิจกรรม เป้าหมาย 8,400 ล้านบาท 2.เร่งเจาะตลาดศักยภาพใหม่ (Special Task Force) ในจีนตะวันตก (เฉิงตู ฉงชิ่ง สิบสองปันนา) อาเซียน (เวียดนาม) และอินเดีย (มุมไบ) เป้าหมาย 190 ล้านบาท 3.เพิ่มมูลค่าการค้าผ่านช่องทาง OBM (Online Business Matching) เป้าหมาย 220 ล้านบาท และ 4.สนับสนุนผู้ประกอบการ SME เข้าร่วมกิจกรรมขยายตลาดในต่างประเทศ 43 งาน เป้าหมาย 100 ล้านบาท


ขณะเดียวกัน จะผลักดันพันธกิจหลัก 4 ด้าน ได้แก่ 1.พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ โดยจัดอบรมเชิงลึกและ Workshop เฉพาะรายสาขา แยกระดับความรู้ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับภาคเอกชน เช่น สภาหอการค้าไทย และกลุ่ม YEC เพื่อยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทย 2.สร้างมูลค่าเพิ่มแก่สินค้า บริการ ส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มผ่านแบรนด์ นวัตกรรม และการออกแบบ รวมถึงประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์สินค้าไทยผ่านตราสัญลักษณ์ 3.พัฒนาช่องทางการตลาด จัดงานแสดงสินค้านานาชาติในและต่างประเทศทั้งรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อเชื่อมโยงผู้ซื้อทั่วโลก และ 4.บริการข้อมูลทางการค้า ให้บริการข้อมูลเชิงลึกด้านตลาดต่างประเทศ พร้อมคำปรึกษาครบวงจรแก่ผู้ประกอบการ

นอกจากนี้ จะใช้ประโยชน์จากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) จำนวน 58 แห่ง ใน 43 เขตเศรษฐกิจทั่วโลก สำนักงานตัวแทนส่งเสริมการตลาดอีก 3 แห่ง (ฮิโรชิมา ลิมา และปูซาน) และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ด้านการค้าระหว่างประเทศ (HTAs) อีก 33 ราย ใน 19 ประเทศ เพื่อเป็นแขนขาในการเสริมศักยภาพการดำเนินงานส่งเสริมการค้าของไทย

ส่วนกิจกรรมส่งเสริมการตลาด จะจัดงานแสดงสินค้านานาชาติรวม 7 งานสำคัญ เช่น THAIFEX–Anuga Asia , Bangkok Gems & Jewelry Fair , STYLE Bangkok , TILOG-LogistiX , RHVAC & Bangkok E&E , และ TAPA คาดว่าจะสร้างมูลค่าการค้ารวมกว่า 115,000 ล้านบาท การสนับสนุนกิจกรรมสร้างสรรค์ เช่น Bangkok Design Week , ADFEST , Bangkok Rights Fair และ Bangkok International Digital Content Festival เพื่อขยายตลาดสินค้าสร้างสรรค์ของไทย และจะจัดคณะผู้แทนการค้าและภารกิจระดับสูง (Goodwill Mission) เปิดตลาดใหม่ แก้ไขอุปสรรคทางการค้า และสร้างความเชื่อมั่นในสินค้าไทย รวมถึงการจัดงาน TOP Thai Brands และ Thailand Week ในภูมิภาคเอเชีย พร้อมสนับสนุน SME ผ่านโครงการ SMEs Proactive ซึ่งผลการดำเนินงานในปี 2568 มีผู้ประกอบการได้รับการส่งเสริมรวมกว่า 290,000 ราย สร้างมูลค่าการเจรจาการค้ารวมกว่า 175,700 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น