กรมทรัพย์สินทางปัญญาเผยปีงบประมาณ 68 ผลักดันขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์จำนวน 27 รายการ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ 6,100 ล้านบาท รวมทั้งหมดมีสินค้า GI แล้ว 239 รายการ มูลค่าตลาด 82,000 ล้านบาท ส่วน Top 10 สินค้าขายดี ทุเรียนหมอนทองเขาบรรทัด (ตราด) แชมป์ เตรียมลุยต่อปีงบ 69 ค้นหาสินค้า GI ใหม่ ตามนโยบาย “ศุภจี”
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2568 กรมได้ดำเนินการผลักดันการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) และมีสินค้าไทยรายการใหม่ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI จำนวน 27 รายการ สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 6,100 ล้านบาท ทำให้จำนวนสินค้า GI ของไทยในปัจจุบันอยู่ที่ 239 รายการ รวมมูลค่าการตลาดทั้งสิ้น 82,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่มี GI ของไทย 212 รายการ มูลค่าการตลาด 76,000 ล้านบาท
สำหรับสินค้า GI ที่ทำรายได้ติด Top 10 ในปี 2568 ได้แก่ 1.ทุเรียนหมอนทองเขาบรรทัด (ตราด) 11,047 ล้านบาท 2.ทุเรียนสะเด็ดน้ำยะลา 6,661 ล้านบาท 3.ทุเรียนหมอนทองระยอง 4,886 ล้านบาท 4.ข้าวหอมมะลิดินภูเขาไฟบุรีรัมย์ 4,812 ล้านบาท 5.มะพร้าวทับสะแก (ประจวบคีรีขันธ์) 3,776 ล้านบาท 6.เหล้าแป้ (แพร่) 3,632 ล้านบาท 7.มะขามหวานเพชรบูรณ์ 3,363 ล้านบาท 8.หอมแดงศรีสะเกษ 2,882 ล้านบาท 9.กุ้งก้ามกรามบางแพ (ราชบุรี) 2,570 ล้านบาท และ 10.ทุเรียนบางนรา (นราธิวาส) 2,544 ล้านบาท
ทั้งนี้ กรมยังได้ส่งเสริมให้ผู้ผลิตสินค้า GI มีการทำระบบควบคุมคุณภาพสินค้า เพื่อรักษามาตรฐานการผลิต ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคว่าได้รับของดีมีคุณภาพที่มาจากแหล่งผลิตโดยตรง โดยในปีงบประมาณ 2568 ช่วยผู้ผลิตจัดทำระบบควบคุมคุณภาพสินค้า GI ให้กับ 9 สินค้า ได้แก่ ขนุนหนองเหียงชลบุรี ส้มสายน้ำผึ้งฝาง ลิ้นจี่จักรพรรดิฝาง (เชียงใหม่) มันแกวบรบือ (มหาสารคาม) สับปะรดบึงกาฬ ผ้าหมักโคลนบึงกาฬ กล้วยหอมทองเพชรบุรี ส้มควายภูเก็ต และทุเรียนหมอนทองเขาบรรทัด (ตราด) ส่งผลให้ปัจจุบันสินค้า GI ไทย มีระบบควบคุมคุณภาพสินค้าแล้ว 203 รายการ คิดเป็นร้อยละ 85 ของสินค้า GI ไทยทั้งหมด และมีผู้ประกอบการได้รับอนุญาตใช้ตราสัญลักษณ์ GI ไทยกว่า 16,000 ราย ซึ่งเป้าหมายของกรม คือ จะทยอยจัดทำระบบควบคุมคุณภาพให้กับสินค้า GI ทุกรายการ
ขณะเดียวกัน ได้ช่วยส่งเสริมช่องทางการตลาดสินค้า GI ทั้งในและต่างประเทศผ่านกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การพาสินค้า GI สู่ตลาด ในงาน GI Market และงาน Thaifex–Anuga Asia การยกระดับสินค้า GI โดยการช่วยพัฒนาบรรจุภัณฑ์ โดยกิจกรรมไฮไลท์ในปี 2568 คือ การจับมือคุณโชน ปุยเปีย นักออกแบบรุ่นใหม่ ดึงเสน่ห์ของผ้า GI ไทยอวดสู่สายตาชาวโลก ผ่านการออกแบบชุดเพื่อสวมใส่ให้กับรูปปั้นแมนเนเกน พิส สัญลักษณ์ประจำเมืองบรัสเซลส์ เบลเยียม การร่วมมือกับร้านอาหารระดับ Fine Dining เพื่อนำวัตถุดิบ GI มารังสรรค์เป็นเมนูประจำร้าน และร่วมมือกับสถาบันสอนทำอาหารเลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต สถาบันสอนทำอาหารเก่าแก่ระดับโลก เพื่อนำสินค้า GI มาเป็นวัตถุดิบในการเรียนการสอนหลักสูตรต่าง ๆ ของสถาบัน
นางอรมนกล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2569 กรมจะดำเนินการตามนโยบายนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ให้ความสำคัญและเดินหน้าส่งเสริมสนับสนุนสินค้า GI ไทยแบบครบวงจรอย่างต่อเนื่อง โดยจะมุ่งเน้นการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ พาณิชย์จังหวัด ในการเฟ้นหาสินค้าคุณภาพที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นให้เข้าสู่ระบบการคุ้มครอง GI ประสานทูตพาณิชย์ในต่างประเทศ เรื่องการวิเคราะห์ตลาดเป้าหมาย และขยายตลาดสินค้า GI ไทยสู่สากล รวมทั้งการพัฒนาต่อยอดสินค้า GI ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในตลาดสินค้าพรีเมียม และร้านอาหาร Fine Dining ในการใช้ GI เป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหาร ที่จะช่วยให้เกิดยอดสั่งซื้อ GI จากผู้ผลิตอย่างสม่ำเสมอ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า GI ยิ่งขึ้น
“ที่ผ่านมา สินค้า GI ที่ขึ้นทะเบียนแล้ว จะมีมูลค่ามากกว่าสินค้าทั่วไปประมาณ 2-5 เท่า เพราะสินค้า GI เป็นสินค้าที่มีความพิเศษ มีชื่อเสียงหรืออัตลักษณ์ของชุมชนที่สัมพันธ์กับลักษณะทางภูมิศาสตร์ ดิน น้ำ อากาศ และภูมิปัญญาท้องถิ่นของพื้นที่ จึงมีความแตกต่างจากสินค้าทั่วไป เมื่อได้ตรา GI แล้ว จะช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค และนำมาซึ่งรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีของเกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่น อีกทั้งยังเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนได้”นางอรมนกล่าว