xs
xsm
sm
md
lg

“พิพัฒน์”ย้ำแก้สัญญา”ไฮสปีด 3 สนามบิน” ยึดความเห็นอัยการสูงสุด รัฐ-ปชช.ได้ประโยชน์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“พิพัฒน์”ย้ำไม่เห็นด้วยแก้สัญญา”ไฮสปีด 3 สนามบิน” ไม่เคยบอกเรื่องยกเลิกสัญญา ยันแก้สัญญาร่วมทุนฯ ต้องทำตามความเห็นอัยการสูงสุงเป็นหลัก ขณะที่อัยการติง 18 ข้อ รฟท.แก้ไข ต้องเกิดประโยชน์สุงสุด”รัฐ-ประชาชน “

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง - สุวรรณภูมิ - อู่ตะเภา) มูลค่า ลงทุน 224,544.36 ล้านบาท ระหว่าง การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กับ บริษัท เอเชีย เอราวัน จำกัด ของกลุ่มซีพี นั้น ตนไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุน แต่ไม่ได้บอกว่า จะยกเลิกสัญญาแต่อย่างใด ซึ่งเรื่องนี้จะมีการนัดเอกชน มาหารือร่วมกับ รฟท. และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ต่อไป

"ผมขอชี้แจงให้ประชาชนและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องได้รับทราบตรงกันว่าโครงการรถไฟฟ้าสามสนามบิน ไม่ได้มีการยกเลิกสัญญา ตามที่บางสื่อเข้าใจ ซึ่งเข้าใจว่าเอกชนผู้รับสัมปทานอาจมีความกังวลต่อข่าวที่ออกมา แต่ขอยืนยันชัดเจนว่า เราไม่ได้ยกเลิกสัมปทาน สิ่งที่กระทรวงคมนาคมกำลังดำเนินการคือ การตรวจสอบในส่วนที่อยู่ในอำนาจของกระทรวงว่า ‘อะไรที่สามารถทำได้’ ก็จะเร่งดำเนินการให้โดยเร็ว ส่วนใดที่เกินอำนาจหรือเกี่ยวข้องกับหน่วยงานอื่น เราจะส่งต่อให้หน่วยงานที่มีอำนาจลงนามดำเนินการตามลำดับขั้นตอน"

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า สัปดาห์หน้า ผมจะเชิญผู้ประกอบการเข้ามาหารือร่วมกันอีกครั้ง เพื่อให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันในแนวทางการดำเนินงาน ขณะนี้โครงการยังไม่ได้เริ่มดำเนินการจริง เราต้องการทราบว่ามีอุปสรรคในส่วนใดที่ทำให้ไม่สามารถเริ่มงานได้ เพื่อจะได้ช่วยกันหาทางออกให้สอดคล้องกับข้อตกลงในสัญญา

กรณีการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ซึ่งทางอัยการสูงสุด ได้มีความเห็นถึง 18 ข้อ นั้น ได้กำชับให้ทุกฝ่ายดำเนินงาน ตามกรอบสัญญาที่ร่างไว้ และทุกขั้นตอนจะต้องเป็นไปตาม คำแนะนำของสำนักงานอัยการสูงสุด อย่างเคร่งครัด

 ส่วนกรณีที่เอกชนไม่สามารถดำเนินการได้ หรืออยากยกเลิกสัญญา ก็ต้องมาหารือกัน โดยยึดตามสัญญาที่มีตั้งแต่ต้น และขอยืนยันอย่างหนักแน่นอีกครั้งว่ากระทรวงคมนาคม ไม่ได้ยกเลิกสัญญารถไฟเชื่อมสามสนามบินทุกอย่างยังคงเดินหน้าภายใต้กรอบสัญญาเดิมเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ และสร้างความมั่นใจให้แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

@เปิดความเห็นอสส.สั่งรฟท.แก้ไขร่างสัญญาไฮสปีด3 สนามบิน ย้ำให้เกิดปย.สูงสุดแก่รัฐ-ปชช.

รายงานแจ้งว่า เมื่อวันที่ 15 ต.ค.2568 สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ส่งร่างสัญญาที่ตรวจแล้ว ให้รฟท.โดยมีข้อสังเกต 18 ประเด็น พร้อมทั้งให้ รฟท. ปรับแก้ร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมตามข้อสังเกตของอัยการก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติ เช่น ประเด็นความเสี่ยงที่เอกชนไม่สามารถจัดหาทุนได้ อัยการเห็นว่า รฟท. ต้องระวังความเสี่ยงที่เอกชนไม่สามารถจัดหาทุนมาดำเนินโครงการได้ตามกำหนด หากเกิดเหตุล่าช้าในการหาทุน อาจกระทบต่อการเริ่มก่อสร้างและการใช้ประโยชน์ในโครงการทั้งหมด พร้อมเสนอเสนอให้ กำหนดกลไกให้รฟท.สามารถบังคับใช้สิทธิ์หรือเพิกถอนสัญญาได้ หากเอกชนผิดนัดในเรื่องการเงิน

ส่วนการขยายเวลาการเริ่มโครงการและการส่งมอบพื้นที่ นั้น อัยการเห็นว่า การเลื่อนระยะเวลาให้เอกชนเริ่มลงทุนต้องมีเหตุผลชัดเจน โดยเห็นว่า การขยายเวลาโดยไม่มีเงื่อนไขชัดเจน อาจทำให้รัฐเสียเปรียบ และอาจถือเป็นการให้ประโยชน์แก่เอกชนโดยไม่จำเป็น

ส่วนประเด็น การชำระเงินลงทุนของรัฐ รฟท. ต้องมีหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินร่วมลงทุนให้โปร่งใสและสอดคล้องกับระยะเวลาการก่อสร้างจริง ซึ่งอัยการแนะนำว่า หากจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการชำระเงิน ต้องเสนอให้ คณะกรรมการ PPP (การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (Public – Private Partnership) และ ครม. พิจารณาใหม่ เพราะอาจถือเป็น “สาระสำคัญของสัญญา”

รวมถึง การรับความเสี่ยงและการชดเชยของรัฐ ที่อัยการมีข้อสังเกตว่า ร่างสัญญาเพิ่มเติมบางส่วน เพิ่มภาระให้รัฐรับความเสี่ยงทางการเงินหรือทางเทคนิคแทนเอกชน ซึ่งไม่เป็นธรรมต่อรัฐ อัยการเสนอให้ปรับข้อความเพื่อให้ชัดว่าเอกชนต้องรับความเสี่ยงส่วนใหญ่เองตามหลัก PPP
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องการค้ำประกันการลงทุนและการชดใช้ความเสียหาย ที่อัยการเสนอให้กำหนดชัดว่า หากเอกชนผิดสัญญา รฟท. ต้องมีสิทธิยึดหลักประกันทันที และในกรณีรัฐต้องจ่ายชดเชย ต้องเป็น กรณีจำเป็นเท่านั้น และผ่านการอนุมัติของคณะกรรมการตามกฎหมาย ส่วนการใช้ประโยชน์จากที่ดินและทรัพย์สินของรัฐ ต้องรักษาผลประโยชน์ของรัฐ โดยให้สิทธิเอกชนใช้ประโยชน์เท่าที่จำเป็นเพื่อดำเนินโครงการเท่านั้น ห้ามใช้ประโยชน์เพื่อการค้าอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับรถไฟโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐ

สำหรับข้อเสนอแนะสุดท้ายของอัยการสูงสุด มีการระบุว่า ให้ รฟท. นำร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมกลับไปปรับแก้ ตามข้อสังเกตทั้งหมดก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติ โดยเฉพาะประเด็นเรื่อง ความรับผิดชอบของเอกชน การรับประกันความเสี่ยง การชำระเงินลงทุนของรัฐ การรักษาผลประโยชน์ในที่ดินของรัฐ โดยอัยการย้ำว่า “ต้องให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่รัฐและประชาชน”


กำลังโหลดความคิดเห็น