“พิพัฒน์”เบรกแก้สัญญา "ไฮสปีด 3 สนามบิน" ยันรับไม่ได้ ปรับเงื่อนไขสร้างไป-จ่ายไป ไม่เหมือนสัญญาเดิม เตรียมนัด ซีพี-รฟท.-อีอีซี หารือทางออกเร็วที่สุด ยัน 4 เดือนจะปล่อยให้อึมครึมต่อไปไม่ได้ ชี้ปัจจุบันมีรถไฟทางคู่แหลมฉบัง ต่อไปอู่ตะเภาไม่ยาก
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ปัญหาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) มูลค่าลงทุน 224,544.36 ล้านบาท ที่มีประเด็นการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนโดยมีคู่สัญญาระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และบริษัทเอเชีย เอราวัน จำกัด (ซี.พี.) เป็นเอกชนผู้รับสัมปทาน ซึ่งมีสัญญาสัมปทาน 50 ปีนั้น ตนได้หารือกับปลัดกระทรวงคมนาคมเพื่อหาแนวทางแก้ไข เนื่องจากโครงการล่าช้ามากว่า 6 ปีแล้ว ซึ่งตนจะเชิญบริษัทเอกชน, สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และ รฟท.มาหารือร่วมกันโดยเร็วที่สุด เพื่อหาทางออกว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร
จากข้อมูลทราบว่าจะมีเรื่องการปรับแก้สัญญาร่วมลงทุนฯ ที่ไม่เหมือนเดิม สัญญาเดิมคือ จากให้ก่อสร้างเสร็จแล้วรัฐจึงจ่ายเงินร่วมทุนฯคืนเป็นก่อสร้างไปจ่ายไป ซึ่งเราไม่เห็นด้วย และเห็นว่าควรเดินตามสัญญาเดิมที่มีอยู่ เพราะอาจจะทำให้ถูกฟ้องใครจะรับผิดชอบ รวมถึงยงมีประเด็นเรื่องการส่งมอบพื้นที่ด้วย ดังนั้นอะไรที่หารือกันได้ โดยไม่ผิดกฎหมายก็ทำ อะไรที่ผิดกฎหมายก็ไม่ทำ
นายพิพัฒน์กล่าวว่า รัฐบาลมีเวลา 4 เดือน และเลือกตั้งรอรัฐบาลใหม่อีก 4 เดือน ดังนั้นอะไรที่ทำแล้วรัฐเสี่ยงที่จะเสียหาย ตนจะไม่ทำ และยืนยันว่าไม่ได้เป็นการเปิดช่องให้เอกชนยกเลิกสัญญา และตนคงไม่สามารถบอกว่าจะยกเลิกสัญญา เพราะผมก็จะถูกปรับได้ ซึ่ง เรื่องแก้ไขสัญญาเคยมีเสนอไปที่ ครม.ยุคก่อนหน้านี้แล้ว แต่ก็ไม่จบ จึงต้องเชิญเอกชน รวมถึงอีอีซี มาหารือร่วมกันกับ รฟท. เพื่อให้ชัดเจน จะปล่อยให้อึมครึมต่อไปอีก 4 เดือนคงไม่ได้ เพราะแต่ละวันที่ผ่านมา มีความเสียหายเกิดขึ้นกับทั้งรัฐและเอกชน
นอกจากนี้ ปัจจุบันเส้นทางดังกล่าวมีรถไฟทางคู่ จากแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ซึ่งปัจจุบันการมช้ประโยชน์ยังไม่มาก หากจำเป็นจริงๆ ก็สามารถเชื่อมไปที่สนามบินอู่ตะเภาได้ และนำรถไฟไปวิ่งซึ่งน่าจะง่ายกว่าด้วย