xs
xsm
sm
md
lg

สนข.ลุยศึกษาพัฒนาระบบคมนาคม หวังเพิ่มการใช้ขนส่งสาธารณะเซฟค่าเดินทาง ลดรถส่วนตัว แก้ปัญหารถติด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สนข.เปิดตัวโครงการศึกษาเพิ่มสัดส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ เพิ่มการให้บริการ ลดความซ้ำซ้อน ลดค่าใช้จ่ายและระยะเวลาเดินทาง ตั้งเป้าลดรถส่วนตัวที่ปัจจุบันยังมีมากถึง 48% หวังแก้ปัญหารถติด ลดมลพิษ และยกระดับคุณภาพชีวิตคนเมือง

วันที่ 29 กันยายน 2568 นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการสัมมนาแนะนำโครงการศึกษาพัฒนาระบบการคมนาคมเพื่อเพิ่มสัดส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะในพื้นที่กรุงเทพมหานครและพื้นที่ต่อเนื่องกรุงเทพมหานคร ว่าการศึกษาดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มสัดส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะตามเป้าหมายของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ โดยปัจจุบันการเดินทางในพื้นที่กรุงเทพฯ และพื้นที่ต่อเนื่อง รวม 28.82 ล้านคน-เที่ยว/วัน ใช้ระบบขนส่งสาธารณะในพื้นที่กรุงเทพมหานครและพื้นที่ต่อเนื่อง มีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 18.4 คิดเป็น 5.29 ล้านคน-เที่ยว/วัน โดยแบ่งออกเป็นรถไฟฟ้า 5.4% หรือ 1.55 ล้านคน-เที่ยว/วัน รถโดยสารประจำทาง 6.4% หรือ 1.84 ล้านคน-เที่ยว/วัน และอื่นๆ อีก 6.6% หรือ 1.89 ล้านคน-เที่ยว/วัน โดยมีการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล 48.1% หรือ 13.89 คน-เที่ยว/วัน

ข้อมูลปัจจุบัน กรุงเทพฯ และพื้นที่ต่อเนื่อง มีระบบขนส่งสาธาณะให้บริการ ได้แก่ ระบบรถไฟฟ้า จำนวน 10 เส้นทาง ระยะทางรวม 280 กม., รถโดยสารประจำทาง 269 เส้นทาง รถตู้ 65 เส้นทาง รถสองแถว 201 เส้นทาง รถ BRT 16.5 กม. รถในเขตปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ 117 เส้นทาง, รถแท็กซี่ รถผ่านแอปฯ ประมาณ 70,000 คัน มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ประมาณ 100,000 คัน, เรือโดยสาร 4 เส้นทาง ระยะทางรวม 65.5 กม.

ขณะที่เมืองตัวอย่างที่มีความสำเร็จในการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ เช่น โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มีสัดส่วนการเดินทางด้วยระบบราง 50% รถจักรยาน13% รถยนต์ส่วนบุคคล 7.9% รถโดยสาร 3.0% เดิน 23% และอื่นๆ 2.1%, กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ มีสัดส่วนการเดินทางระบบราง 39.3% รถโดยสาร 26.5% รถยนต์ส่วนบุคคล 23% แท็กซี่ 6.8% อื่นๆ 4.4%

โดยมีปัจจัยความสำเร็จ ได้แก่ โครงข่ายรางครอบคลุมกว่า 2,000 กม. ออกแบบผังเมืองเอื้อต่อการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ มีทางเท้าที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ส่งเสริมการใช้จักรยานและการเดิน มีตารางการเดินรถไฟและรถโดยสารที่สอดคล้องกัน มีข้อมูลแบบ Real-Time และแม่นยำ, มีค่าโดยสารถูก โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง มีกลไกอุดหนุนค่าโดยสาร เป็นต้น


โดยโครงการศึกษาฯ จะดำเนินภายใต้กรอบแนวคิด 4 ด้าน ประกอบด้วย 1.  ความครอบคลุม ลดความทับซ้อนของรถโดยสารสาธารณะ และเพิ่มความครอบคลุมของโครงข่าย 2. การให้บริการและความเพียงพอ โดยเพิ่มความถี่ของรถโดยสาร เพิ่มจำนวนตู้ขบวนโดยสารจัดบริหารรถโดยสารด่วน (Express service) 3. การเข้าถึงการจัดบริการรถโดยสารประจำทางระบบเสริม (Feeder) มีอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม และ 4. การปรับปรุงทางเท้า การเชื่อมต่อ-มีจุดเชื่อมต่อและสิ่งอำนวยการเชื่อมต่อการเดินทาง (ITF) ลดเวลาในระบบเปลี่ยนถ่ายระบบเก็บค่าโดยสารที่ใช้ร่วมกันได้หรือระบบตั๋วร่วม

นายปัญญากล่าวว่า การศึกษาพัฒนาระบบการคมนาคมเพื่อเพิ่มสัดส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะในพื้นที่กรุงเทพมหานครและพื้นที่ต่อเนื่อง ถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันการใช้ระบบขนส่งสาธารณะให้เป็นทางเลือกหลักของประชาชน เพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล หากสามารถลดจำนวนการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลได้จะช่วยบรรเทาปัญหาที่หลากหลายในปัจจุบันลงได้ เช่น ช่วยบรรเทาปัญหาเรื่องการจราจรหนาแน่นและติดขัดโดยเฉพาะช่วงชั่วโมงเร่งด่วน ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่มาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงของยานพาหนะและสามารถส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ประชาชนในเขตเมือง


สนข.จัดการสัมมนาฯ ครั้งนี้เพื่อแนะนำโครงการฯ และเพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนเพื่อให้โครงการบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้น จากการเดินทางแบบไร้รอยต่อให้สามารถเชื่อมโยงสถานที่ต่างๆ ด้วยระบบขนส่งสาธารณะหลายรูปแบบ เพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และลดค่าใช้จ่ายของประชาชนได้ ทั้งนี้ ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนเพื่อให้โครงการดำเนินไปอย่างที่ตั้งเป้าหมายไว้ อีกทั้งยังเป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนำมาซึ่งข้อเสนอแนะอันมีประโยชน์ในหลากหลายมิติรวมถึงแนวทางเชิงปฏิบัติที่จะได้รับการสนับสนุนในการช่วยผลักดันเพื่อพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะของประเทศไทยก้าวไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน


กำลังโหลดความคิดเห็น