xs
xsm
sm
md
lg

“ตี๋น้อย โกลด์” เข็นหม้อ HOTสู่ยอดพีรามิด ศึกนี้หนักกว่าแมส

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การตลาด – วิเคราะห์ กลยุทธ์ “ตี๋น้อย” เดินเกมใหม่ ปรับทิศขยายตลาดสุกี้บุฟเฟ่ต์พรีเมียม ร่วมทุน โฮ คิทเช่น ผุดแบรนด์ใหม่ “ตี๋น้อย โกลด์” มองจุดอ่อนจุดแข็งแย่งตลาดระดับราคา 500 บาทขึ้นไป ชี้เป็นตลาดที่ยากมากกว่าและแข่งขันรุนแรงมากกว่าตลาดแมส พร้อมปูพรมได้ 11 สาขาถึงปีหน้า เปิดเกมรุกโชว์รูมรถยนต์


การประกาศเปิดตัวแบรนด์ใหม่ที่ชื่อว่า “ตี๋น้อย โกลด์” (Teenoi Gold) ของสุกี้ตี๋น้อย คือความเคลื่อนไหวล่าสุดของหลากหลายกลยุทธ์ที่เดินหน้าอย่างรวดเร็วและท้าทาย

แบรนด์ใหม่นี้มีเป้าหมายชัดเจนที่ต้องการขยับขยายตำแหน่งทางการตลาดสุกี้บุฟเฟ่ต์ขึ้นมาสู่ระดับบน หรือกลุ่มพรีเมียมมากขึ้นในอีกหนึ่งแบรนด์ จากเดิมที่ใช้แบรนด์ สุกี้ตี๋น้อย เจาะตลาดแมสมาตั้งแต่เริ่มต้น

ก่อนหน้านี้ ค่ายตี๋น้อย ก็เคยทำตลาดสุกี้บุฟเฟ่ต์ ตลาดที่สูงขึ้นจากตี๋น้อยดั้งเดิมแบบแมสมาแล้วด้วยแบรนด์ ตี๋น้อยเอ็กซ์เพรส
ความแตกต่างของตี๋น้อยเอ็กซ์เพรสกับแบบดั้งเดิมหลักๆคือ 1.เป็นสุกี้บุฟเฟ่ต์แบบสายพา, 2.มีซุปใหม่, 3.น้ำจิ้มใหม่ + บาร์น้ำจิ้ม, 4.มีเนื้อวัวให้เลือกจำนวนมาก เนื้อวากิวออสเตรเลีย บริสเกต MB 6, เนื้อ Rib Eye นิวซีแลนด์, เนื้อ Oyster Blade ออสเตรเลีย และอื่นๆ อีกกว่า 50 รายการ , 5.มีของหวาน ของทานเล่น เครื่องดื่มหลากหลายเมนู, 6.ที่นั่งสองแบบ คือ แบบหม้อเดี่ยวสายพาน และแบบโต๊ะที่นั่งเสิร์ฟแบบสายพานด้วย, 8.เมนูอาหารส่วนใหญ่เสิร์ฟบนสายพาน ยกเว้น เมนูเนื้อต่างๆ และของหวานสั่งผ่าน QR Code, 9.ราคาเดียว 439 บาท (รวมทุกอย่าง) เด็กสูงไม่เกิน 90 ซม. รับประทานฟรี เด็กสูง 91-120 ซม. จ่ายครึ่งราคา 215 บาท รับประทานได้ 1 ชั่วโมง 30 นาที เปิดบริการทุกวัน 11.00-03.00 น.

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา การทำตลาดยังไม่ค่อยมีแนวทางที่ชัดเจน และยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายเท่าใดนัก มีเพียงสาขาเดียวคือที่เมเจอร์ อเวนิว รัชโยธิน เปิดเมื่อปี 2566สุดท้ายต้องยกเลิกไป ก่อนจะปรับมาเป็น ตี๋น้อย โกลด์ นี่เอง เพราะตลาดไม่รับรู้ และ แบรนด์ไม่ว้าว


การกลับมารุกตลาดพรีเมียมครั้งใหม่นี้ “เฟิร์น- นางสาวนัทธมน พิศาลกิจวนิช” กรรมการผู้จัดการ บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด (BNN) ผู้ก่อตั้งแบรนด์ "สุกี้ตี๋น้อย" ได้เปิดแนวรุกร่วมทุนกับ ทาง เชฟโฮ ชาวฮ่องกง เจ้าของร้านโฮคิทเช่นชื่อดัง เพื่อร่วมกันตั้งบริษัทใหม่ชื่อว่า บริษัท บีเอ็นเอ็น แอนด์ โฮ จำกัด โดยตี๋น้อยถือหุ้น 70% และเชฟโฮ 30% ในการเปิดร้านสุกี้บุฟเฟ่ต์แบรนด์ใหม่ ตี๋น้อย โกลด์ (Teenoi Gold) แยกออกมาเป็นเอกเทศชัดเจน เนื่องจากต้องการสร้างความเป็นพรีเมียมไม่ซ้ำซ้อนกับสุกี้ตี๋น้อยเดิม

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาในประเด็นของการใช้ชื่อ แล้ว ดูเหมือนว่า ยังสลัดความเป็นตี๋น้อยไม่หลุด ที่ยังคงต้องพึ่งชื่อตัวแม่อีกเพื่อเป็นใบเบิกทางสู่ทางลัดในการเติบโดโดยไม่ต้องสร้างแบรนด์ ซึ่งกลับกลายเป็นการท้าทายที่ไม่น้อย

เนื่องจาก ผู้บริโภครับรู้แล้วว่า ตี๋น้อย เป็นสุกี้บุฟเฟ่ต์ ราคาถูก กลายเป็นภาพลักษณของคำนี้ไปแล้ว เป็นไปตามระดับราคาของตลาด การที่หันมาเจาะกลุ่มพรีเมียมมากขึ้น แต่กลับใช้ชื่อเดียวกันเพียงแต่เติมคำว่า “โกลด์” เข้าไปนั้น ก็อาจจะยากขึ้น

แต่ถ้าสังเกตุค่ายเอ็มเคสุกี้ ที่ก่อนหน้านี้ต้องปรับกระบวนท่ามาเล่นตลาดล่างเพื่อรับศึกหนักกับสุกี้ตี๋น้อย ซึ่งในช่วงแรกอาจจะยังดูทิศทางลมก่อน จึงยังคงใช้แบรนด์เดียวกับแบรนด์แม่คือ เอ็มเค บุฟเฟ่ต์ แต่เมื่อทำไปได้ถึงจุดหนึ่งเริ่มอยู่ตัวจึงตัดสินใจสร้างแบรนด์ใหม่ขึ้นมาคือ โบนัส สุกี้ บุฟเฟ่ต์ เพื่อให้มีความเป็นเอกเทศและมีความชัดเจนอีกทั้งจะได้ไม่สร้างผลกระทบเชิงลบต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์แม่คือ เอ็มเค นั่นเอง ส่วนเอ็มเคโกลด์ และเอ็มเค ไลฟ์ ก็มีความแตกต่างด้านคอนเซ็ปท์อย่างชัดเจน


ปฎิเสธไม่ได้ว่า ตลาดพรีเมียมที่ตี๋น้อยโกลด์ เข้าสู่สนามนี้ ในระดับราคา 500 บาทขึ้นไป เป็นตลาดที่มีผู้ประกอบการจำนวนมากในกลุ่มบุฟเฟ่ต์ ทั้งปิ้งย่าง ชาบู สุกี้ โดยเฉพาะสุกี้ก็มีทั้งแบรนด์ใหญ่ แบรนด์เก่าแก่ และมีทั้งที่เป็นเชนใหญ่ๆมีสาขาจำนวนมาก และส่วนใหญ่เป็นแบรนด์แฟนคลับและขาประจำอยู่แล้ว การจะไปแย่งลูกค้าน้ั้นมาก็ยิ่งเผชิญความท้าทายอย่างมากเช่นกัน

ส่วนประเด็นของอาหารเมนูนั้น ก็มีความแตกต่างที่ชัดเจนขึ้นมามาก เมื่อเทียบกับตี๋น้อยเดิม เพื่อให้เหมาะกับการวางตำแหน่งราคาที่เจาะกลุ่มพรีเมียม

โดยตี๋น้อยโกลด์ ปกติตั้งราคาบุฟเฟ่ต์อยู่ที่ 599 บาทต่อคน ยังไม่รวม VAT และค่ารีฟิลเครืื่องดื่ม 49 บาท ถ้ารวมหมดแล้วราคาสุทธิอยู่ที่ 693 บาทต่อคน

แต่ช่วงแรกของการเปิดร้าน เล่นโปรโมชั่นอยู่ที่ ราคา 499 บาทต่อคน ไม่รวมVAT ไม่รวมค่ารีฟิลเครื่องดื่ม ถ้ารวมแล้ว ราคาสุทธิอยู่ที่ 586 บาทต่อคน ตัั้งแต่วันเปิดร้านถึงวันที่31 ธันวาคม 2568 นี้


ระยะเวลารับประทานได้นาน 2 ชั่วโมง มีเมนูที่จะเสิร์ฟประมาณ 80 รายการ แตกต่างกับสุกี้ตี๋น้อย เช่น เมนูพิเศษหลักๆอย่าง เนื้อวากิวสันคอออสเตรเลีย เนื้อวากิวพันนอกออสเตรเลีย เนื้อวากิวบริสเกตออสเตรเลีย ตับหมูสูตรฮ่องกง ปลากะพงสไลด์ กุ้งแม่น้ำ กุ้งก้ามกราม หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ ลูกชิ้นกุ้งปั้นสด หมูไม้ไผ่สูตรพิเศษ เป็นต้น รวมทั้งยังมีติ่มซำทำสดจากมือเชฟ ด้วยลูกเล่นในการเดินเสิร์ฟด้ววยราถเข็นะ ละสั่งได้ด้วยผ่าน QR Code เช่น ซาลาเปาลาวาไข่เค็ม ซาลาเปาหมูแดง กระดูกหมูซอสเอ็กซ์โอ ขนมจีบหมูเห็ดหอม ฯเป์นนต้น รวมทัืงยัวมีอาหารประเภทของทอดเช่น กุ้งทอดวาซาบิ ฟองเต้าหู้กุ้งทอด ปอเปี๊ยะหอยลากุ้ยช่าย เกี๊ยวทอดไส้กุ้ยช่าย รวมถึงบาร์ของทอดให้ลูกค้าบริการตัวเองด้วย

น้ำซุปจะประกอบด้วย 4 น้ำซุป ได้แก่ ซุปกระดูกหมูคอลลาเจน ซุปน้ำดำ ซุปหมาล่า และอีก 1 ซุป ส่วนน้ำจิ้มจะประกอบด้วยน้ำจิ้มสุกี้ น้ำจิ้มงาสไตล์ญี่ปุ่น น้ำจิ้มงานสไตล์หมาล่า และน้ำจิ้มซีฟู้ด

ส่วนเมนูเครื่องดื่มก็แตกต่างจากสุกี้ตี๋น้อย เช่น มีสเลอปี้มะพร้าวน้ำหอม โค้กโฟรเซ่น และอีกหลายเมนู ช่วงเปิดร้านจะมีโปรโมชันพิเศษ เสิร์ฟ ‘เป็ดย่างฮ่องกง’ สูตรพิเศษฝีมือเชฟ เพื่อทดลองกำลังการผลิตดูว่าจะสามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเมนูหรือไม่ แต่ช่วงนี้คือเสิร์ฟแบบไม่อั้นไปก่อน


นางสาวนัทธมน พิศาลกิจวนิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด (BNN) กล่าวว่า ทางตี๋น้อย ได้ลงทุนไปประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อสร้างครัวกลางใหม่ ที่จะรองรับได้ไม่ต่ำกว่า 200 สาขา ซึ่งทำให้มีศักยภาพในการบริหารจัดการเรื่องต้นทุนวัตถุดิบได้ดีมากทำให้เราสามารถทำราคาที่สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจ และสวนทางกับต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นได้

แม้ว่าไตรมาสสองที่ผ่านมา กำไรจะลดลงบ้าง เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นหลักๆเช่่น เนื้อหมู และเนื้อวัว จากปกติต้นทุนเนื้อหมูอยู่ที่ 140-150 บาท/กิโลกรัม แต่ได้ปรับตัวขึ้นไปถึง 210-220 บาท/กิโลกรัม จึงทำให้ต้องแบกต้นทุนสูงถึง 55% จากเดิมอยู่ที่ 48%

หากพิจารณาถึงแผนการขยายสาขา ตี๋น้อย โกลด์ นั้นก็ต้องถือว่ามีการเตรียมการและวางแผนมาอย่างดีแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาทำกันไม่กี่วันนี้แน่นอน เพราะทำเลใหม่นั้น คือ ปี2568 นี้สาขาแรกประเดิมเปิดที่ เมเจอร์ อเวนิว รัชโยธิน ในวันที่ 30 สิงหาคมนี้ ส่วนสาขาที่สองคือที่ถนนเลียบด่วนลาดพร้าว ปลายปีโดยปีนี้มีแผนเปิด 3 สาขา จะเปิดตัวสาขาแรกที่เมเจอร์ อเวนิว รัชโยธิน ในวันที่ 30 สิงหาคมนี้ จากนั้นเดือนพฤศจิกายนจะเปิดสาขาเลียบทางด่วนลาดพร้าว เป็นสาขาที่2 และเมเจอร์ สุขุมวิท สาขาที่ 3


ขณะที่ปีหน้า ระดมทำเลเรียบร้อยแล้วคือ ที่ ออนติวานนท์, อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ บางใหญ่, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ สุขุมวิท, โลตัส นครปฐม, พีทีที ปาร์ค มอลล์ 5 ศรีนครินทร์, เดอะ ยาร์ด ศรีนครินทร์, ธัญญาพาร์ค, เดอะ วอล์คเกษตร และ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ชลบุรี

จะเห็นได้ว่า มีสาขาที่กระจายไปทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด ไม่ได้กระจุกตัวอยู่แค่ในกรุงเทพฯเท่านั้น ทำให้โอกาสเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆมีมากขึ้นตามไปด้วย

อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ล่าสุดของตี๋น้อยประเด็นทำเลนี้ที่เพิ่งประกาศผ่านหน้่าเฟซบุ๊กของตัวเอง คือ การประกาศต้องการเช่าโชว์รูมรถยนต์จำนวนมากทั่วประเทศ เพื่อทำร้านอาหารสุกี้ตี๋น้อย ซึ่งรวมทั้งแบรนด์ใหม่อย่างโกลด์ด้วย พร้อมคำเชิญชวนด้วยว่า มีค่าคอมมิชชั่น 10,000 บาท สำหรับผู้ที่แนะนำ โชว์รูมฯ และมีการตกลงเช่าสำเร็จ ผู้ที่แนะนำก่อน จะได้รับค่าคอมฯ เพียงผู้เดียว


กลยุทธ์นี้ถือว่ามาถูกทาง เพราะปัจจุบันมีโชว์รูมรถยนต์หลายรายที่ต้องปิดตัวและยังเป็นอาคารว่างเปล่าอยู่หลายแห่ง ขณะที่ความเหมาะสมนั้นก็มีคือ ส่วนใหญ่เป็นอาคารสแตนด์อโลนและมีเนื้อที่ใหญ่ มีที่จอดรถด้วย สามารถบริหารจัดการเวลาเปิดปิดได้ตรงคอนเซ็ปท์ ตัวอย่างของคอมเมนต์ผู้อ่านที่เข้ามาบอกช่องทางโชว์รูมรถเต็มไปหมด เช่น

- “กำแพงเพชรค่ะ เป็นสายเอเซียคนขึ้นเหนือผ่านทางนี้ค่ะ จะมีโชว์รูมโตโยต้าเก่า เวิร์คเลย
- โชว์รูมมาสด้าวัฒนายนต์ชุมแพ เลิศมาก เพราะปิดไป 2 ปีแล้ว อาคารสวย เหมาะกับทำร้านชาบูสุดๆ ที่จอดรถโคตรเยอะ”
- “จ.กำแพงเพชรหน่อยค่ะ โชว์รูมเชฟโรเลตเก่าหรือศูนย์mg เดิม”
- “เคยเป็นศูนย์โตโยต้าเก่า ลาดบัวหลวงค่ะ ตรงข้ามวัดตรี ติดถนนใหญ่เส้นขาเข้า กรุงเทพ ค่ะ ศูนย์ตรงจุดนี้ จะเป็นเขตติดต่อ จังหวัดนครปฐม สุพรรณ อยุธยา นนทบุรี ปทุม มีโรงเรียน และโรงงานมากมาย และใกล้โรงพยาบาลที่กำลังสร้างเป็นโรงพยาบาลในเครือกรุงไทย ประชาชนส่วนใหญ่ก็ชอบทานบุพเฟ่สุกีตี้น้อย แต่จะเข้าไปในเมืองค่อนข้างไกล ก็เลยอยากให้มาเปิดตรงนี้ค่ะ เดี๋ยวถ้าสนใจตรงนี้จะหาเบอร์ติดต่อให้ค่ะ @ไฮไล”

- “อำเภอธาตุพนม โชว์รูม มิตซูบิชิ เก่า
- ศูนย์ nissan ในเมือง เพชรบูรณ์ อยู่ด้านใน ใจกลางเมืองเลย กำลังติดป้ายให้เช่าพื้นที่ตอนนี้
- มา อ่างทอง ทีค่าาาาา มีโชว์รูมเก่าตรงทางเข้าตัวเมืองอ่างทอง ตรงสายเอเชียเลยจ้า
- ตราดค่ะโชว์รูม นิสันเก่าตรงข้าม.เทคนิคตราด


ทั้งนี้อ้างข้อทมูลจาก Positioning Magazine Online ในเครือผู้จัดการระบุว่า

มี 3 เหตุผลที่สุกี้ตี๋น้อยมองเห็นโอกาสจากโชว์รูมรถเก่าคือ
1. พื้นที่ใหญ่ โปร่ง จอดรถสะดวก บุฟเฟต์ตี๋น้อยเน้นกลุ่มลูกค้าเป็นครอบครัวหรือแก๊งเพื่อนที่มากันมาก โชว์รูมรถมีพื้นที่กว้าง เพดานสูง และที่จอดรถพร้อม รองรับการทำสาขาแบบ Stand Alone หรือแม้แต่แฟล็กชิปสโตร์ได้ทันที
2. ทำเลติดถนนใหญ่ เห็นชัดเจน โชว์รูมส่วนใหญ่อยู่บนถนนสายหลัก เหมาะจะเป็น Landmark ร้านใหญ่ ช่วยเลี่ยงการแข่งขันกับพื้นที่ห้างหรือคอมมูนิตี้มอลล์
3. ต้นทุนเช่าต่ำกว่าห้างมาก หลังโควิด หลายโชว์รูมปิดกิจการหรือย้าย ทำให้เกิดช่องว่างด้านอสังหาฯ สุกี้ตี๋น้อยเจาะเข้าไปด้วยค่าเช่าที่คุ้มกว่ามาก (ค่าเช่าโชว์รูมรถถูกกว่าห้างหลายเท่า)
-ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ราคาเช่า 3,000 – 5,500 บาท/ตร.ม./เดือน
-คอมมูนิตี้มอลล์ ราคาเช่าต่ำกว่า 1,000 – 3,000 บาท/ตร.ม./เดือน
อ้างอิงข้อมูล สถานการณ์และแนวโน้มพื้นที่ค้าปลีกให้เช่า ปี 2568-2570 ของวิจัยกรุงศรี
แต่ถ้าเป็น โชว์รูมรถ (พื้นที่ 600–700 ตร.ม. ขึ้นไป) พบว่า มีค่าเช่าเฉลี่ยเพียง 240 – 500 บาท/ตร.ม./เดือน (**ผลสำรวจเบื้องต้นจากเว็บไซต์ livinginsider)


ปัจจุบัน สุกี้ตี๋น้อย มีสาขารวมแล้งว 86 สาขา และตี๋น้อยบาร์บีคิว 4 สาขา และในปีนี้แผนที่วางไว้ว่าจะเปิดใหม่รวม 21- 24 สาขา และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ จะมีสาขารวมทั้งหมดเกือบ100 สาขาในทุกแบรนด์ โดยครึ่งปีแรกเปิดแล้ว 11 สาขา แบ่งเป็นสุกี้ตี๋น้อย 8 สาขา และตี๋น้อยบาร์บีคิว 3 สาขา ส่วนครึ่งปีหลังเปิด 10 สาขา เป็นสุกี้ตี๋น้อย 5 สาขา เช่น ปราจีนตรงข้ามโรบินสัน ,นครพนม ,ปทุมธานี ธัญบุรี คลอง7และตี๋น้อยบาร์บีคิว 5 สาขา เช่น แจ๊สกรีน วิลเลจ บางบัวทอง เปิด 27 สิงหาคมนี้

ส่วนปี 2569 ตั้งเป้าเปิด 32 สาขา หรืออาจะสูงไปถึง 40 สาขา ซึ่งจะมากที่สุดเท่าที่เคยเปิดมาในแต่ละปี และจะผลักดันให้ผลประกอบการโดยรวมทะลุ 10,000 ล้านบาทได้แน่นอน ขณะที่ปี2567 ที่ผ่านมาขยายใหม่ได้ 24 สาขา

บิ๊กบอสของตี๋น้อย ย้ำด้วยว่า “ในช่วง ปลายปี68นี้ เรามีแผนที่จะใหม่เปิดอีกแบรนด์ ซึ่งจะเซอร์ไพร์สมากๆ และยังยืนยันคำเดิม คำว่า“คุ้มค่า”ลูกค้าสามารถสัมผัสได้ว่า สิ่งที่จ่ายไปมันได้รับมากกว่าแน่นอน”

แน่นอนว่า การเปิดแบรนด์ใหม่ การขยายสาขาแบรนด์เดิม ย่อมต้องเป็นแรงผลักดันให้รายได้เติบโตต่อเนื่อง ซึ่งในปี2568 นี้ ตี๋น้อยมั่นใจว่า จะสามารถทำรายได้รวมถึงประมาณ 9,000 ล้านบาท ที่สำคัญคือปีนี้ บริษัทแจกโบนัสพนักงานฉลี่ย 2.5 เดือน ต่อคน รวม 150 ล้านบาท และยังรับพนักงานเพิ่มต่อเนื่อง เพื่อรองรับการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้น

โดยรายได้ปี 2568 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่มีรายได้ประม้าณ 7,000 ล้านบาท และเป้าหมายคือ10,000 ล้านบาทในปี 2569

จากนี้ต้องจับตามองว่า เกมรุกครั้งใหม่ด้วยการปั้น ตี๋น้อย โกลด์ เพื่อรุกตลาดพรเมียมจะสร้างกระแสแรงได้มากน้อยแค่ไหน เพราะนี่เปรียบเหมือนการเข็นหม้อร้อนสุกี้ตี๋น้อย ขึ้นสู่ยอดพีรามิด ที่ในวงการตลาดเปรียบว่า คือ การขึ้นสู่ตลาดพรีเมียม














กำลังโหลดความคิดเห็น