การตลาด - สงครามหม้อร้อนสุกี้ระเบิดอีกครั้ง หลังเอ็มเคสุกี้เอาจริงเปิดศึก บุฟเฟ่ต์ราคา 299 บาท ต่ำทีสุดที่ทำมา ด้านสุกี้ตี๋น้อย สวนกลับทันควัน กดราคาเหลือ 199 บาท วิเคราะห์เกมครั้งนี้ ใครได้ใครดี
สงครามการตลาดสุกี้หม้อร้อน ที่มีมูลค่ามากกว่า 23,000 ล้านบาทต่อปี ยังคงแข่งขันกันรุนแรงสนุกสนานต่อเนื่อง ระหว่างสองแบรนด์ดังคือ เอ็มเคสุกี้ กับ สุกี้ตี๋น้อย ที่มีความเคลื่อนไหวกันตลอด ชนิดไม่ให้ผู้บริโภคได้หยุดติดตามกันเลยทีเดียว
ยังไม่นับรวมอีกหลายแบรนด์ที่สร้างสีสันการตลาด คอยแย่งส่วนแบ่งตลาดรายใหญ่อย่างเอ็มเคที่มีแชร์มากกว่า 50% อย่างไม่ลดละ
*** เอ็มเค หั่นราคาบุฟเฟ่ต์แรง หวังขยายฐาน
ล่าสุดกับประเด็นใหม่ ที่ทางเอ็มเค (MK ) เปิดศึกออกมาก่อน เมื่อวันจันทร์ที่ 9มิถุนายน ด้วยแคมเปญ “mk-คุ้มคุ้ม-อิ่มไม่อั้น 299 บาท” เริ่ม9 มิถุนายน 2568 – 30 มิถุนายน 2568 (หรือจนกว่าสินค้าจะหมด) ด้วยการทำ บุฟเฟ่ต์ ราคา 299 บาท ต่อคนสุทธิ พร้อมเสิร์ฟ 3 หมวด แบบไม่อั้นทั้ง ‘เนื้อบริสเก็ตออสเตรเลีย หมูสไลซ์ หมูนุ่ม สาหร่ายทรงเครื่อง และหลากหลายเมนู’ มีรวม 19 เมนู เมื่อมาครบ 4 ท่านขึ้นไป ได้ทานกุ้งแม่น้ำฟรี แบบไม่อั้นไปเลย เฉพาะสาขาโลตัส บิ๊กซี และสาขาที่ร่วมรายการ
เงื่อนไขหลักเฉพาะทานที่ร้านเท่านั้น สำหรับเด็กส่วนสูงไม่เกิน 110 ซม. รับประทานฟรี [ไม่คิดค่าบริการ], บริการทุกวัน โดยคิดค่าอาหารท่านละ 299 บาทสุทธิ ตลอดทั้งวัน, สำหรับเด็กส่วนสูงระหว่าง 110 ซม. - 130 ซม. คิดค่าอาหารท่านละ 149 บาทสุทธิ ตลอดทั้งวัน, สำหรับเด็กส่วนสูง 131 ชม. ขึ้นไป คิดราคาผู้ใหญ่ (ราคาปกติ), ระยะเวลาในการรับประทาน 90 นาที ทานเกินเวลาทุกๆ 10 นาที คิดค่าบริการท่านละ 30 บาท [เศษของนาทีคิดเป็น 10 นาที], รับประทานไม่หมด คิดค่าอาหารส่วนที่เหลือตามราคาจำหน่ายในเมนู MK Restaurants, ไม่สามารถเปลี่ยนรายการอาหารภายในชุดโปรโมชั่นได้, ราคาของเมนูอาจแตกต่างกันในแต่ละสาขา, อาหารและภาชนะในภาพ เพื่อการโฆษณาเท่านั้น, รายการสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง, โปรโมชั่นนี้ไม่สามารถใช้ร่วมกับส่วนลด หรือ บัตรสมาชิก หรือ คูปองส่วนลดอื่นๆได้, บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
แต่ฉับพลันในเย็นวันเดียวกัน ค่ายสุกี้ตี๋น้อย ก็เกทับทันทีด้วยการโพสต์ผ่านโซเชียลว่า “ตี๋น้อยขอขอบคุณ FC ทุกท่านที่ช่วยกดติดตามเพจสุกี้ตี๋น้อยครบ 1,000,000 โปรฯ เรียกน้ำย่อย โปรแรก พี่เฟิร์นบอกกับตี๋น้อยว่า ปีนี้ทั้งปี จัดหนัก จัดเต็ม ตลอดปี 2568 ราคา 199 บาท (ยังไม่รวมเครื่องดื่มและภาษีมูลค่าเพิ่ม) ตั้งแต่วันที่ 11-30 มิ.ย. 68 (เฉพาะวันจันทร์-ศุกร์) หมายเหตุ : ราคาเด็กจากปกติ 109 บาท ลดเหลือ 89 บาท
สุกี้ตี๋น้อยขอขอบคุณทุกท่านจากใจที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวสุกี้ตี๋น้อยนับตั้งแต่เปิดเพจ จนมีผู้ติดตามครบ 1 ล้านผู้ติดตาม ทั้งนี้ สุกี้ตี๋น้อยจะนำทุกข้อคิดเห็นและคำแนะนำของลูกค้าไปพัฒนาการบริการและคุณภาพอาหารให้ดียิ่งขึ้น ขอบคุณทุกท่านจากใจ สุกี้ตี๋น้อย”
เล่นเอาเอาผู้บริโภค สะใจท้องกันไปเลยทีเดียว
การเดินเกมเล่นบุฟเฟ่ต์ด้วยราคาต่ำเพียง 299 บาท ของเอ็มเคครั้งนี้ืถือว่าไม่ธรรมดา ถ้ามองเผินๆถือว่าใจปล้ำอย่างมาก เพราะก่อนหน้านี้เอ็มเคก็เคยทำบุฟเฟ่ต์ทดลองตลาดมาแล้วบางสาขา แต่ราคาก็สูงกว่านี้มาก และทำไม่กี่สาขาเท่านั้นเอง แต่คราวนี้จัดเต็มสาขาที่อยู่ในโลตัสกับบิ๊กซีทั้งหมดที่ร่วมรายการ ถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียว รวมๆก็หลักร้อยก็ว่าได้
เอ็มเค ต้องยอมลงมาเล่นบุฟเฟ่ต์ครั้งนี้แบบมากกว่าที่ผ่านมา แต่ก็ยีงไม่ได้มากที่สุด ก็เพื่อที่ต้องการดึงลูกค้าเอาไว้ให้อยู่ ดึงมาร์เก็ตแชร์กลับมาบ้าง เพราะที่ผ่านมา ลูกค้าถูกสุกี้ตี๋น้อยและแบรนด์อื่นดึงลูกค้าไปมากด้วยราคาที่ต่ำในสไตล์บุฟเฟ่ต์ ดังนั้นก็ต้องเอาเรื่องราคามาสู้เช่นกัน
จากก่อนหน้านี้ MK ได้ปรับโฉมใหม่เป็นบริการ MK Buffet ที่สาขาเซ็นทรัล เวสต์เกต ราคาเริ่มต้น 499 บาท ทานได้ในเวลา 90 นาที เป็นการนำร่องเมื่อไม่นานนี้ ซึ่งครั้งนั้นราคาก็ยังสูงอยูู่
ช่วงเริ่มเช้าของแคมเปญใหม่นี้ ก็สามารถดึงผู้บริโภคที่เคยเป็นแฟนประจำเอ็มเคได้ รวมทั้ง ลูกค้าที่ไม่ใช่แฟนคลับเสียทีเดียว มากินเอ็มเคได้ดีทีเดียว เพราะราคาที่ต่ำลงมาเป็นตัวดึงดูดได้ชัดเจน
ทว่ากลุ่มลูกค้าที่มากมายนั้นมันก็แฝงไปด้วยปัญหาเช่นกัน
เพราะหลายสาขา เกิดเรื่องหลายปัญหาเช่น วัตถุดิบอาหารบางตัวหมดไม่พอต่อความต้องการของลูกค้าที่เข้าร้าน เอ็มเค หรือแม้แต่การจัดการเรื่องคิวลูกค้าที่รอกัน การบริการเสิร์ฟเมนูอาหารให้ลูกค้าไม่ทันการ รอนาน อีกมุมหนึ่งสำหรับลูกค้าที่เคยกินตี๋น้อยประจำ และลองเปิดโอกาสตัวเองมาเอ็มเคดูบ้าง ก็อาจจะรู้สึกว่า ไม่คุ้มค่า เพราะเมนูน้อยแค่ 19 เมนูเท่านั้น
ขณะที่ในโลกโซเชียลก็มีการคอมเมนต์มีการโพสต์ถึงกันมากมาย ทั้งในทางบวกและหลากหลายซึ่่งไม่ใช่เรื่องที่ผิดหรือถูก เพราะเป็นความเห็นแต่ละมุมมองของคนต่างกันไป
เช่น “ ปิดบริการนะครับสาขาโลตัสรังสิต ตรงข้ามฟิวส์ บริการไม่ทันให้ลูกค้า เลยบอกลูกค้ากลับไปก่อน ทั้งที่โต๊ะยังว่าง เข้าใจอะไรผิด mk ชี้แจงได้ครับ, MK โลตัสประชาชื่น ไม่ต้องมากันนะคะ เนื้อหมดตั้งแต่บ่าย3ค่ะ วันแรกเนื้อหมดได้ไง ไม่พร้อมก็อย่าฝืนทำมันเลยค่ะบุฟเฟต์เนี่ย , มา4 คน โปรแจ้งได้กุ้งแม่น้ำ สั่งไปบอกหมด ตั้งแต่11.50 งงมาก ของแต่ละอย่างรอ10-15 นาทีกว่าจะมาไม่คุ้มค่ะ กุ้งไม่ได้กินสักตัว, สาขาโลตัสชัยนาท เมื่อวานไปมา 1รอบแล้ว บอกของหมด วันนี้เราเลยโทรถามว่ามีของไหมคะ พนักงานบอกมีของค่ะ เพิ่งเข้ามาพอดี เราก็เลยออกเดินทางมาประมาณ 20กก. พอมาถึง พนักงานบอกของหมด เรานี่เสียความรู้สึกมาก ทั้งๆที่โทรสอบถามมาแล้ว เอาจริง ถ้าคิดจะทำโปรนี้ ควรศึกษาและวางแผนมาให้ดีกว่านี้ ฉันจะไม่เข้าไปกินอีก ขอบคุณที่ให้เสียเวลาไป 2วัน, พึ่งไปกินมาตอนเที่ยงวันนี้ โลตัสรัตนาธิเบศร์ ลูกค้าไม่เยอะ แต่พนักงานก็ไม่เยอะเช่นกัน รอนานมากแต่ละอย่างตั้งแต่ถึงร้าน แล้วแบบพนักงาน 1 คน รับลูกค้า 4-5โต๊ะ ใส่น้ำลงหม้อ รับออเดอร์อาหาร เทน้ำจิ้ม เทน้ำชา แล้วทำทีละอย่างวนกว่าจะครบ สั่งรอบแรกเนื้อออส 10 ถาด พอจะสั่งอีกเนื้อหมด โอเครไม่เป็นไรสั่งหมูแทน พอรอบสองมาส่ง แจ้งหมูพริกไทยหมด หมูนุ่มหมด โอ้โห หมดทีละอย่างทั้งที่พึ่งจะเริ่มกิน แล้วเมนูมีเมนูให้กินไม่กี่อย่าง เหลือไรกุ้งแม่น้ำให้กิน ที่ดูแล้วคุณภาพไม่ได้ พาน้องไปกิน 6 คน อ่าวน้องคนนึงที่ไปด้วยแพ้กุ้งกินไม่ได้อีก เหลือไรกินลูกชิ้นกินไก่หรอ เสียความรู้สึกเลย แต่เข้าใจว่าเป็นวันแรกแหละเนอะ ร้านพึ่งเปิดไม่กี่ ชม.แท้ๆ แล้วบัตรสมาชิกลดระดับลงทุกปี เพราะเริ่มเข้าน้อยลง เปลี่ยนไปมากพอสมควร” เป็นต้น
ถึงขั้นที่ว่าเอ็มเค ก็ออกมาแอคชั่นผ่านโซเชียลในวันนั้นทันที ประเด็นหลูกคือ ขอโทษลูกค้าทุกท่าน ถึงปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องของวัตถุดิบอาหารที่หมดเร็ว
จะว่าไปแล้ว การทำราคานี้ของเอ็มเค ก็มีทั้งข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป
คือ การได้เปิดโอกาสให้กับลูกค้าใหม่ๆที่ไม่เคยเข้าเอ็มเคหรือไม่ได้เป็นแฟนคลับของเอ็มเคเสียทีเดียว ได้เข้ามาสัมผัสเอ็มเคบ้าง การได้สร้างเอนเกจเมนต์กับลูกค้าผู้บริโภคในระดับหนึ่ง การให้แบรนด์ได้เป็นที่ถูกกล่าวถึง ที่สำคัญที่สุดคือ การเก็บประสบการณ์ย้ข้อดีข้อดีข้อเสียของแคมเปญครั้งนี้เพื่อเป็นบทเรียนเป็นข้อมูลที่สำคัญในการวางแผนหรือวางกลยุทธ์ต่อไป โดยเฉพาะกับการทำบุฟเฟ่ต์แบบจริงจังในอนาคตอีกก็เป็นได้
อีกประเด็นคือ เอ็มเค ต้องการชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างของคุณภาพของวัตถุดิบ ซี่งเอ็มเคเน้นย้ำมาตลอดว่าใช้่้ของสดมีคุณภาพดี ราคาถึงแพงกว่าคู่แข่งในตลาดเดียวกัน จึงต้องสร้างประสบการณ์ให้กับผู้บริโภคด้วยบุฟเฟ่ต์ดึงเข้าร้านมานั่นเอง
*** สุกี้ตี๋น้อย ไม่หวั่น เกทับทันควัน
หันมามองดูฟากของ สุกี้ตี๋น้อย ดูเหมือนว่าจะมีความได้เปรียบในสนามบุฟเฟ่ต์ที่เป็นสิ่งที่แจ้งเกิดในตลาดอย่างดีอยู่แล้ว หรือพูดง่ายๆว่า เข้าทาง ดังนั้นการกดราคาลงมาอีกในครั้งนี้ ต่ำกว่าของเดิมที่ตัวเองขายอยู่ และต่ำกว่าของเอ็มเคอีก ทำให้ เป็นแรงดึงดูดมหาศาลที่จะดึงผู้บริโภคเข้าร้านได้มากขึ้นอีก
จะเห็นได้ว่า ปัญหาของตี๋น้อยแม้ว่าจะมีตรงที่บริการรองรับลูกค้าได้น้อยกว่า เพราะสาขาน้อยกว่า แต่ในแง่ของความเชี่ยวชาญเรื่องการตลาดบุฟเฟ่ต์แล้วทำได้ดี เพราะบุฟเฟ่ต์คือ สิ่งที่แจ้งเกิดของตี๋น้อย นั่นเอง จึงมีความคุ้นเคยกับการจัดวางระบบหน้าร้าน หลังร้าน ทีมงาน การจัดการวัตถุดิบได้อย่างดี แต่ไม่ใช่ว่าเอ็มเคจะไม่มีประสบการณ์เพียงแต่ว่า บุฟเฟ่ต์ไม่ใช่เป็นสิ่งที่แจ้งเกิดหรือพื้นฐานของเอ็มเคเท่านั้นเอง
หากวิเคราะห์ถึงกลยุทธ์การโต้กลับของตี๋น้อยในครั้งนี้จะพบว่า ในเรื่องของราคาเป็นตัวหลัก ถ้าหากตี๋น้อยไม่ลดลงมา ไปขายระดับราคาเดิม คือ 219 บาท บวกเครื่องดื่มอีก 39 บาท อาจจะไม่แตกต่างกับเอ็มเคเท่าใด ก็อาจจะเสียลูกค้าบางส่วนไปให้กับเอ็มเคได้ เพราะปริมาณสาขาของเอ็มเคมากกว่า ดังนั้นการแยกเครื่องดื่มรีฟิลออกมาอีกต่างหากก็ถือว่่าดีกว่าในความรู้สึกของผู้บริโภคเพราะราคาตัวเลขมันเห็นชัดเจนว่าต่างกัน แม้ว่าสุดท้ายแล้วผู้บริโภคก็จะต้องสั่งเครื่องดื่มรีฟิลและเป็๋นความเคยชินสำหรับลูกค้าประจำของตี๋น้อยอยู่แล้ว
อีกทั้งยังเป็นการตรึงลูกค้าเก่าของตี๋น้อยเองไม่ให้ไปหาเอ็มเคอีกด้วย แม้ว่าเอ็มเคจะทำบุฟเฟ่ต์ออกมาสู้ก็ตาม และยิ่งทำให้เป็นการมัดใจที่เป็นลูกค้าเดิมอยู่แล้ว ให้ยิ่งมาทานตี๋น้อยมากขึ้นอีก
*** เปิดผลประกอบการสองค่าย
ทั้งนี้บริษัท บีเอ็นเอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด (BNN) เจ้าของธุรกิจร้านอาหาร “สุกี้ตี๋น้อย” (Suki Teenoi) มีรายได้ธุรกิจร้านอาหารในปี 2567 ทำรายได้รวม 7,075 ล้านบาท เติบโต 34% กำไรสุทธิ 1,168 ล้านบาท เติบโต 28% ล่าสุดผลประกอบการไตรมาสแรก ปี 2568 มีกำไรสุทธิ 271 ล้านบาท
จากการรายงานผลประกอบการของ บมจ. เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (JMART) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น “บีเอ็นเอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป” สัดส่วน 30% โดย เจมาร์ทรายงานว่า จบไตรมาส 1 ปี 2568 “สุกี้ตี๋น้อย” มีสาขาทั้งหมด 82 สาขา, Teenoi BBQ (บุฟเฟต์ปิ้งย่าง) 2 สาขา และ Teenoi Express (บุฟเฟต์พรีเมียม) 1 สาขา
ไตรมาสแรกที่ผ่านมา “สุกี้ตี๋น้อย” เปิดสาขาเพิ่มขึ้น 4 สาขา โดยสาขาที่เปิดเพิ่มเป็นสาขาที่ขยายออกไปต่างจังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก บุรีรัมย์ หนองคาย และนครสวรรค์ ซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการหนาแน่น และได้รับการตอบรับดีจากชุมชน ที่ต้องการใช้บริการร้านสุกี้ ชาบู ราคาที่เข้าถึงง่ายและคุ้มค่า ด้วยบุฟเฟต์ 219 บาท ราคาเดียว (ไม่รวมค่าเครื่องดื่มรีฟิลและภาษีมูลค่าเพิ่ม)
นอกจากนี้ “สุกี้ตี๋น้อย” ได้ร่วมมือกับ JAS Asset เปิด Teenoi BBQ (บุฟเฟต์ปิ้งย่าง) เพิ่ม 1 สาขา ที่คอมมูนิตี้มอลล์ Jas Green Village คู้บอน ในพื้นที่ของ JAS Asset
ส่วนรายได้ย้อนหลังที่ผ่านมาคือ ปี 2563 รายได้ 1,223 ล้านบาท กำไร 140 ล้านบาท, ปี 2564 รายได้ 1,572 ล้านบาท กำไร 148 ล้านบาท, ปี 2565 รายได้ 3,976 ล้านบาท กำไร 591 ล้านบาท, ปี 2566 รายได้ 5,244 ล้านบาท กำไร 913 ล้านบาท และ ปี 2567 รายได้ 7,075 ล้านบาท กำไร 1,168 ล้านบาท
ส่วนเอ็มเค MK ในนามบริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ระบุเพิ่มเติมในคำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ ไตรมาสที่ 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 2568 โดยระบุว่าในไตรมาส 1 ของปี 2568 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและบริการเท่ากับ 3,541 ล้านบาท ลดลง 405 ล้านบาท หรือลดลง 10.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ส่วนรายได้จากการขายและบริการในแต่ละช่องทางมีสัดส่วนค่อนข้างคงที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมาจากช่องทางรับประทานที่ร้านเป็นหลัก คิดเป็น 84% ของรายได้จากการขายและบริการทั้งหมด
ส่วนยอดขายสาขาเดิมก็ได้ปรับลดลง 10.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ภาระหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค รวมทั้งการแข่งขันที่ค่อนข้างสูงในธุรกิจร้านอาหาร.
สำหรับผลประกอบการย้อนหลังของ เอ็มเค พบว่า ปี 2564 รายได้รวม 11,368.01 ล้านบาท กำไรสุทธิ 130.98 ล้านบาท, ปี 2565 รายได้รวม 15,938.18 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,438.81 ล้านบาท, ปี 2566 รายได้รวม 16,973.55 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,681.94 ล้านบาท, ปี 2567 รายได้รวม 15,809.47 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,441.57 ล้านบาท
, ไตรมาสที่ 1 ปี 2568 รายได้รวม 3,625.53 ล้านบาท กำไรสุทธิ 233.59 ล้านบาท
โดยสิ้นสุด วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ร้านเอ็มเค สุกี้ มีจำนวนทั้งหมด 432 สาขาทั่วประเทศ โดยส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ใน ศูนย์การค้า โมเดิร์นเทรด และคอมมูนิตี้มอลล์ ได้แก่ บิ๊กซี โลตัส ห้างเซ็นทรัล ห้างโรบินสัน ห้างเดอะมอลล์ เป็นต้น ที่ เป็นแหล่งสรรพสินค้าของลูกค้าที่มีรายได้ระดับปานกลางถึงสูง
.