xs
xsm
sm
md
lg

“อาร์เอส” ชู C2Cปลดล็อกคอมเมิร์ซ ปั้น 3 แบรนด์ดัน RS LiveWell สู่พันล.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360- อาร์เอส กรุ๊ป เดินหน้าตามแผนกลยุทธ์หลัก Unlock Value ล่าสุดงัดโมเดล Entertainmerce มาใช้ต่อยอดบริษัทในเครือ ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก คือ Strategic Partnerships, Star Commerce และ Brand Collaborations คิกออฟด้วย 3 แบรนด์ใหม่ หวังขยายฐานสู่เจน Z และมิลเลเนียล มั่นใจดันรายได้ RS LiveWell สู่ 1,000 ล้านบาทในปีนี้


นางพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส มิวสิค จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้แนวทางของอาร์เอส กรุ๊ป จะเน้นดึงศักยภาพของแต่ละธุรกิจมาสนับสนุนซึ่งกันและกันอย่างมีประสิทธิภาพ ตามกลยุทธ์ Unlock Value และจากการที่อาร์เอส กรุ๊ป มีอีโคซิสเต็มของธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเม้นท์แบบครบวงจร จึงมองเป็นแต้มต่อที่จะทำให้ธุรกิจคอมเมิร์ซที่อยู่ในเครือเดียวกันมาทำซินเนอจี้ร่วมกันได้ ภายใต้แนวทาง Content to Commerce (C2C)

ประกอบด้วย 3 กลยุทธ์หลัก คือ 1. Strategic Partnerships 2.Star Commerce และ 3.Brand Collaborations ซึ่งเป็นการซินเนอจี้ระหว่าง 3 บริษัทในเครือ คือ อาร์เอสมัลติมีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์, อาร์เอส มิวสิค และ RS LiveWell สู่การปั้น 3 แบรนด์ใหม่ คือ 1. ฟู้ดสแน็คแบรนด์ ”ปากท้อง“ 2. คัลเลอร์ คอสเมติกส์ แบรนด์ ”bbooty“ และ3. คัลเลอร์ คอสเมติก แบรนด์ ”TellmeDarling by Daring&Co.“


ด้านนางสาววรัญญา ราชพลสิทธิ์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส ลิฟเวลล์ จำกัด (RS LiveWell) กล่าวว่า แผนการซินเนอจี้ครั้งนี้ ทาง RS LiveWell พร้อมเปิดตัวเฮ้าส์แบรนด์ใหม่ 3 แบรนด์ ที่มาจากแนวทาง Content to Commerce (C2C) กับ 3 กลยุทธ์หลัก คือ 1.กลยุทธ์ Strategic Partnerships เป็นการซินเนอจี้กันระหว่าง รายการ “ปากท้องต้องรู้” ของทางช่อง 8 กับทาง RS LiveWell สู่สินค้ากลุ่ม ฟู้ดสแน็ค แบรนด์ ”ปากท้อง“


โดยกลยุทธ์นี้เป็นการต่อยอดจากรายการ ปากท้องต้องรู้ ซึ่งเราได้ดึง เอ ไชยา-แป้ง ศรันฉัตร์ มิตรชัย ที่มีฐานแฟนคลับบ้านมิตรชัย กว่า 500,000 follower มาร่วมเป็นเจ้าของและพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกัน ออกมาเป็นแบรนด์ ‘ปากท้อง’ กับผลิตภัณฑ์ตัวแรก คือ น้ำพริกปากท้อง รวม 3 รสชาติ ที่มีส่วนผสมหลักและสูตรลับจากบ้านเกิดของ เอ ไชยา มิตรชัย อัดแน่นด้วยคุณภาพ กรอบอร่อย และไม่อมน้ำมัน ราคา 299 บาทต่อกระปุก โมเดลนี้จะมีการแบ่งรายได้ออกเป็น 2 ทาง คือ รายการ “ปากท้องต้องรู้” ของช่อง 8 และ RS LiveWell

2.กลยุทธ์ Star Commerce เป็นกลยุทธ์สำคัญที่มาสนับสนุนศิลปิน-ดาราในสังกัด เปิดตัวโปรเจ็คแรกกับ “ใบเตย” ที่มีผู้ติดตามทางโซเชียลมีเดียกว่า 6.5 ล้านบัญชี ที่สำคัญใบเตยมีแพชชั่นที่อยากเป็นเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงาม ดังนั้นจึงเกิดเป็นแบรนด์ Bbooty ขึ้น จับกลุ่มลูกค้าในช่วงวัยรุ่นและวัยทำงาน ที่มีอายุระหว่าง 20-35 ปี ที่มีความชอบและสนใจในการแต่งหน้า รักสวยรักงาม และสนใจผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและสกินแคร์ กลยุทธ์นี้ จะแบ่งรายได้ออกเป็น 3 ส่วน คือ RS LiveWell, ใบเตย และ RS MUSIC ที่ใบเตยสังกัด


3. กลยุทธ์ Brand Collaborations เป็นอีกกลยุทธ์สำคัญที่ RS Livewell มองหาพาร์ทเนอร์ที่มีศักยภาพ ที่จะช่วยต่อยอดสิ่งที่มีอยู่ให้ไปได้ไกลขึ้น และไปได้เร็วขึ้น ล่าสุดพร้อมต่อยอด แบรนด์ Daring&Co. ร่วมกับแบรนด์ TellMe ออกมาเป็น แบรนด์ ”TellmeDarling by Daring&Co.“ กับผลิตภัณฑ์ แป้งผสมรองพื้น จับกลุ่มเจน Z และมิลเลเนียล เป็นการขยายกลุ่มลูกค้าของทั้ง 2 แบรนด์ รวมถึงการ refresh ภาพแบรนด์และสินค้าของ TellMe ให้ดูเป็นวัยรุ่นและทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยจะมีการเลือกใช้พรีเซ็นเตอร์วัยรุ่นชื่อดัง ซึ่งจะเปิดเผยเร็วๆ นี้ ร่วมกับการทำเพลงในรูปแบบ Music Marketing สร้าง Brand Awareness โดยใช้เพลง TelleDarling ที่ขับร้องโดย เบิ้ล ปทุมราช - ลำไย ไหทองคำ มาเป็นเพลงตั้งต้นและเน้นการทำการตลาด เพื่อเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่

กลยุทธ์นี้เป็นการนำ RS MUSIC มาเป็นสารตั้งต้นของการทำตลาด และอาจมีรายได้เข้ามาทางอ้อม ขณะที่รายได้จากการขาย จะแบ่งกัน ระหว่าง RS Livewell และ TellMe

“ RS Livewell มองเกมส์ในระยะยาว จึงพร้อมต่อยอด ขยายการเติบโตให้มีศักยภาพมากขึ้น ทั้งในแนวทางของ การออกสินค้าใหม่ ในกลุ่มสกินแคร์ คัลเลอร์ คอสเมติกฟู้ด&สแน็ค, การขยายช่องทางการขายในประเทศ โดยเฉพาะ TikTok โมเดิร์นเทรด และบิวตี้สโตร์, การทำการตลาดแบบ 360 องศา ครบทุกช่องทางออนไลน์ ออฟไลน์ และออนแอร์ และขยายช่องทางการขายไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV ต่อไปในอนาคต โดยมั่นใจว่า รายได้ของ RS Livewell ในปี 2567 จะอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท มาจาก 3 แบรนด์ใหม่ 250 ล้านบาท และแบรนด์สินค้าอื่นๆ ของ RS LiveWell อีก 750 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายต่างประเทศ ปัจจุบันอยู่ที่ 5-10% ของรายได้รวม“ นางสาววรัญญา กล่าว

อย่างไรก็ตาม เมื่อต้นปีที่ผ่านมา นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า ปีนี้ แนวทางของ อาร์เอส กรุ๊ป จะมุ่งดึงศักยภาพของแต่ละธุรกิจมาสนับสนุนซึ่งกันและกันอย่างมีประสิทธิภาพ ตามกลยุทธ์ Unlock Value ด้วยการบริหารการขายทุกสื่อโฆษณาให้มารวมศูนย์อยู่ภายใต้สายงานการตลาดและขายสื่อโฆษณา (Media sales and Marketing) จาก 4 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ RS Music, RS Multimedia & Entertainment, RS LiveWell และ RS pet all ซึ่งคาดว่าจะผลักดันรายได้รวมปี 2567 ให้ไปสู่เป้าหมายที่ 4,400 ล้านบาท โดยแบ่งรายได้ออกเป็น 2 กลุ่มธุรกิจหลัก 1.กลุ่มมีเดียและเอ็นเตอร์เทนเมนท์ 2,350 ล้านบาท และ 2.กลุ่มคอมเมิร์ซ 2,050 ล้านบาท.


กำลังโหลดความคิดเห็น