ผู้จัดการรายวัน360 - โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น หรือ MOSHI เตรียมเปิดสาขาใหม่อีก 13 สาขา พร้อมเพิ่มสินค้าใหม่ๆ ที่ตอบเทรนด์และความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง ทยอยออกสินค้าลิขสิทธิ์ และทำ Collaboration Projects เปิดผลงานไตรมาส 2/2567 ทำรายได้รวม 640.97 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 81.21 ล้านบาท คงเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 20%
นายสง่า บุญสงเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) หรือ MOSHI ผู้นำในธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์รายใหญ่ของประเทศไทย กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจค้าปลีกครึ่งหลังปี 2567 คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก จากกำลังซื้อในประเทศมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และแรงหนุนมาจากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นหนึ่งในปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ คาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายของร้านค้าปลีกในพื้นที่ท่องเที่ยวให้เติบโตดีต่อเนื่อง
โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่เต็มไปด้วยเทศกาลต่างๆ อาทิ ฮาโลวีน คริสต์มาส และปีใหม่ ที่จะทำให้ภาคธุรกิจคึกคักที่สุดในรอบปี อย่างไรก็ตาม ตลาดค้าปลีกยังคงมีความท้าทายจากความต้องการในสินค้าไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ดังนั้น บริษัทฯ จำเป็นต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่องและใช้ประโยชน์จากจุดแข็งด้านการจัดหาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์และเป็นที่ต้องการในตลาด เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน
บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายรายได้ปี 2567 เติบโต 20% โดยเตรียมนำทัพสินค้าใหม่มากกว่า 1,000 SKUs และยังคงพัฒนาสินค้ากลุ่มลิขสิทธิ์ การ Collaboration Projects เพื่อสร้างสีสันให้กับตลาด พร้อมคงความเป็นเอกลักษณ์ของ MOSHI และสามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี
สำหรับในช่วงที่เหลือของปี บริษัทฯ เตรียมเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 13 สาขา ในทำเลที่มีฐานลูกค้าของบริษัทฯ หนาแน่น อาทิ สาขา Union Mall, Lotus’s เพชรบูรณ์ Lotus’s บางปู และ Big C’s ยะลา ซึ่งได้เปิดไปแล้วในเดือนกรกฎาคม ปัจจุบันบริษัทฯ มีสาขาค้าปลีกและค้าส่งที่เปิดดำเนินการแล้ว 153 สาขา (ณ วันที่ 13 สิงหาคม 2567) แบ่งเป็น ร้านค้าปลีกแบรนด์ Moshi Moshi จำนวน 147 สาขา, ร้านค้าส่งแบรนด์ Moshi Moshi จำนวน 2 สาขา, ร้าน Garlic 3 สาขา, ร้านค้าส่ง Giant 1 สาขา และร้านค้าส่ง The OK Station 1 สาขา
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ออกสินค้าลิขสิทธิ์ใหม่ เช่น Collection พิเศษ Moshi Moshi x Butterclub และ Moshi Moshi x TEN & CANELE ที่เพิ่งเปิดตัวไปในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี อีกทั้งบริษัทยังได้ขยายขอบเขตงาน โดยร่วมกับพันธมิตรจัดนิทรรศการ Hello Kitty & Sanrio Charactors Funtastic Exhibitions ฉลองครบรอบ 50 ปี ตัวการ์ตูน Hello Kitty โดยสำหรับทุกๆกิจกรรมที่เกิดขึ้นบริษัทฯ ได้เดินหน้าทำจัดทำการตลาดผ่าน Social Media มุ่งเน้นเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างการรับรู้และ Engagement กับกลุ่มลูกค้า รวมถึงคอยจัดทำโปรโมชันส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นยอดขายอีกด้วยในช่วงที่เหลือของปีอีกด้วย
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 (เมษายน-มิถุนายน) บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงาน 636.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 592.17 ล้านบาท แยกเป็นรายได้จากกลุ่มค้าปลีก 520.95 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 81.8% กลุ่มค้าส่ง 108.16 ล้านบาท สัดส่วน 17.0% และช่องทางการจัดจำหน่ายอื่น 7.43 ล้านบาท สัดส่วน 1.2% ส่งผลให้มีรายได้รวม 636.54 ล้านบาท เติบโต 7.5% ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายสาขาเพิ่ม11 สาขา พร้อมขยายเพิ่มเข้าสู่จังหวัดใหม่ 4 จังหวัด ได้แก่ พะเยา อ่างทอง สตูล และชัยนาท รวมถึงมีการออกสินค้าใหม่ที่เพิ่มเข้ามา
ขณะที่กำไรสุทธิได้ 81.21 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากตลาดที่ฟื้นตัวช้าลงและผลกระทบจากปัญหาการขาดแคลนสินค้านำเข้าในช่วงครึ่งแรกของไตรมาส แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทฯได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาจนสถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ขณะเดียวกันค่าใช้จ่ายในการเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้นค่อนข้างมากตามจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นไปตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ เพื่อต้องการเพิ่ม Distribution Channel ให้ครอบคลุมทั่วประเทศอย่างรวดเร็วเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคในทุกภาคส่วนและหวังเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดอีกด้วย
ส่วนผลการดำเนินงานในงวดครึ่งปีแรกของปี 2567 (มกราคม-มิถุนายน) บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,336.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 1,161.03 ล้านบาท ปัจจัยการเติบโตของรายได้มาจากการขยายสาขาใหม่ รวมถึงพัฒนาสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้เดินหน้าผลักดันสินค้าใหม่ ไม่ว่าจะเป็นหมวดหมู่สินค้าใหม่ที่ได้รับความนิยมสูง อย่างเช่น กล่องสุ่ม, Model Toys และการออกสินค้าลวดลายใหม่ๆ ในหมวดหมู่สินค้าเดิม จัดกิจกรรมการตลาดโปรโมชันประจำเดือน การออก Collection สินค้าลิขสิทธิ์ใหม่ที่เป็นกระแสในตลาด
นอกจากนี้ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงกลุ่มมากขึ้น บริษัทฯ จึงได้พัฒนารูปแบบร้านค้าใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า โดยได้เปิดสาขารูปแบบใหม่ Standalone จำนวน 3 แห่ง ในทำเลใกล้กับมหาวิทยาลัย ได้แก่ สาขามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จ.ปทุมธานี และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
ด้านกำไรสุทธิทำได้ 206.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 170.95 ล้านบาท มาจากการเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง การประหยัดต่อขนาดจากการขยายสาขา และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุน