“พาณิชย์” เผยการเจรจา FTA ไทย-อียู รอบ 2 รุดหน้าด้วยดี ทั้งการประชุมระดับหัวหน้าคณะ และกลุ่มย่อยระดับผู้เชี่ยวชาญ 19 คณะ มีการหารือรายละเอียดในแต่ละประเด็น แลกเปลี่ยนข้อเสนอเพิ่มเติม สร้างความเข้าใจระหว่างกันมากขึ้น พร้อมนัดเจรจารอบ 3 ที่บรัสเซลส์ ส่วนไทยจะเป็นเจ้าภาพในรอบถัดไป ย้ำจะเร่งเจรจาให้สำเร็จโดยเร็ว หลังเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาล เพื่อขยายโอกาสทางการค้าการลงทุน
น.ส.โชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเจรจา FTA ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) รอบที่ 2 ระหว่างวันที่ 22-26 ม.ค.2567 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ โดยผลการเจรจารอบนี้ ในภาพรวมถือว่าเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงรายละเอียดของแต่ละประเด็น พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนข้อเสนอเพิ่มเติมและสร้างความเข้าใจระหว่างกันมากขึ้น และกำหนดการเจรจารอบที่ 3 อียูจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในช่วงเดือน มิ.ย. 2567 ที่กรุงบรัสเซลส์ และจะเจรจาอีก 1 รอบในช่วงเดือน ต.ค. 2567 ที่ประเทศไทย
สำหรับการเจรจารอบนี้ ประกอบด้วย การประชุมระดับหัวหน้าคณะ และการประชุมกลุ่มย่อยระดับผู้เชี่ยวชาญ 19 คณะ ได้แก่ 1. การค้าสินค้า 2. กฎถิ่นกำเนิดสินค้า 3. พิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า 4. มาตรการเยียวยาทางการค้า 5. มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (SPS) 6. อุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า (TBT) 7. การค้าบริการและการลงทุน 8. การค้าดิจิทัล 9. ทรัพย์สินทางปัญญา 10. การแข่งขันและการอุดหนุน 11. การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ 12. การค้าและการพัฒนาที่ยั่งยืน 13. วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) 14. รัฐวิสาหกิจ 15. พลังงานและวัตถุดิบ 16. ระบบอาหารที่ยั่งยืน 17. ความโปร่งใสและหลักปฏิบัติที่ดีด้านกฎระเบียบ 18. การระงับข้อพิพาท และ 19. บทบัญญัติเบื้องต้น บทบัญญัติทั่วไป บทบัญญัติสุดท้าย บทบัญญัติเกี่ยวกับสถาบัน และข้อยกเว้น
ในการประชุม ฝ่ายไทยมีผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมในประเด็นที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงแรงงาน กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงการต่างประเทศ กรมศุลกากร กรมบัญชีกลาง สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และจากนี้ กรมได้เตรียมเชิญผู้มีส่วนได้เสียเข้าร่วมการประชุมสรุปผลความคืบหน้าการเจรจาครั้งที่ 2 ต่อไป
ทั้งนี้ กรมจะเดินหน้าผลักดันการเจรจา FTA กรอบต่างๆ ให้มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาล และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ต้องการเร่งรัดการเจรจา FTA ให้สำเร็จโดยเร็ว เพื่อขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุน ตลอดจนเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
อียูเป็นคู่ค้าอันดับ 4 ของไทย โดยในปี 2566 การค้าระหว่างไทย-อียูมีมูลค่า 41,582.24 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปอียูมูลค่า 21,838.37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจากอียู มูลค่า 19,743.87 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และแผงวงจรไฟฟ้า และสินค้านำเข้าสำคัญ เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ และเคมีภัณฑ์