“ภูมิธรรม” หารือเอกอัครราชทูตอียูประจำประเทศไทย เห็นพ้องการเจรจา FTA จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการขยายโอกาสทางการค้า การลงทุน และการพัฒนาเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่าย พร้อมเห็นด้วยกับการปฏิบัติตามกฎระเบียบการค้าใหม่ ทั้งนโยบายสิ่งแวดล้อม การจัดการด้านประมง มาตรฐานการนำเข้าสินค้าเกษตรและปศุสัตว์ แต่ต้องมีความยืดหยุ่น และมีระยะเวลาปรับตัว
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้พบหารือกับนายเดวิด เดลี เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2566 ที่ผ่านมา ณ กระทรวงพาณิชย์ มีนางนลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทยเข้าร่วม โดยการหารือครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นว่าไทยกับสหภาพยุโรป (อียู) เป็นพันธมิตรที่มีความสัมพันธ์อันดีในทุกด้านมาอย่างยาวนาน และความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-อียู ที่อยู่ระหว่างการเจรจาจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุน รวมทั้งการพัฒนาทางเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่าย
ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือประเด็นการค้าสำคัญอื่นๆ เช่น นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม แนวทางการจัดการด้านประมง และมาตรฐานการนำเข้าสินค้าเกษตรและปศุสัตว์ของไทย โดยไทยเห็นด้วยกับแนวโน้มและทิศทางของโลกปัจจุบันที่ให้ความสำคัญต่อประเด็นสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และประมง ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกประเทศต้องรับผิดชอบร่วมกัน และไทยมีนโยบายไปในทิศทางดังกล่าว
“การเจรจาจัดทำ FTA และการปฏิบัติตามกฎระเบียบการค้าใหม่ๆ ไทยเห็นว่าควรดำเนินการร่วมกันอย่างฉันมิตร คำนึงถึงข้อเท็จจริงและระดับความแตกต่าง มีความยืดหยุ่นในการปฏิบัติตาม และระยะเวลาการปรับตัวของแต่ละประเทศ รวมทั้งควรมีความร่วมมือและให้ความช่วยเหลือกับผู้ที่ได้รับผลกระทบด้วย เพื่อให้เกิดผลประโยชน์ที่ยั่งยืนร่วมกันของทุกฝ่าย” นายภูมิธรรมกล่าว
อียูเป็นคู่ค้าอันดับ 4 ของไทย โดยในช่วง 9 เดือนของปี 2566 (ม.ค.-ก.ย.) การค้าระหว่างไทยกับอียูมีมูลค่า 31,762.18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1,090,015.10 ล้านบาท) เพิ่ม 2.16% คิดเป็นสัดส่วนการค้ารวม 7.35% ของการค้าทั้งหมดของไทยกับโลก โดยไทยส่งออกไปอียูมูลค่า 16,595.77 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (566,022.91 ล้านบาท) ลด 4.46% และไทยนำเข้าจากอียูมูลค่า 15,166.14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (523,992.19 ล้านบาท) เพิ่ม 10.42% สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ และผลิตภัณฑ์ยาง และสินค้านำเข้าสำคัญ เช่นเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เคมีภัณฑ์ และเครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ