ไทย-เอฟตาเจรจา FTA รอบ 7 คืบหน้าด้วยดี ทั้งการประชุมระดับหัวหน้าคณะผู้แทน และกลุ่มย่อย 9 กลุ่ม พร้อมนัดประชุมกลุ่มทรัพย์สินทางปัญญาทางออนไลน์ 13-17 พ.ย. และกลุ่มกฎหมายและการระงับข้อพิพาท วันที่ 4-7 ธ.ค. ที่สวิตเซอร์แลนด์ ตั้งเป้าประชุมปีหน้าอีก 3 ครั้ง ก่อนสรุปผลกลางปี 67 เผยยังได้ส่งมอบหน้าที่หัวหน้าคณะเจรจาของไทยจาก “อรมน” เป็น “โชติมา” ด้วย
น.ส.โชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้เข้าร่วมการประชุมเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (เอฟตา) รอบที่ 7 ระหว่างวันที่ 6-9 พ.ย. 2566 ที่ผ่านมา ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส พร้อมด้วยนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจาฯ โดยการเดินทางครั้งนี้ นอกจากติดตามความคืบหน้าการเจรจาแล้ว ตนยังได้รับมอบหน้าที่หัวหน้าคณะเจรจาต่อจากนางอรมน หลังจบการเจรจารอบที่ 7 ด้วย
สำหรับผลการประชุมครั้งนี้มีความคืบหน้าด้วยดี ซึ่งประกอบด้วยการประชุมระดับหัวหน้าคณะผู้แทน เพื่อติดตามกำกับความคืบหน้าการเจรจาในภาพรวม และการประชุมกลุ่มย่อย 9 กลุ่ม ได้แก่ 1. การค้าสินค้า 2. กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า 3. มาตรการเยียวยาทางการค้า 4. การค้าบริการ 5. การลงทุน 6. พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ 7. การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ 8. ความร่วมมือด้านเทคนิคและการเสริมสร้างศักยภาพ และ 9. วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้กำหนดจัดการประชุมกลุ่มทรัพย์สินทางปัญญาในรูปแบบออนไลน์ ระหว่างวันที่ 13-17 พ.ย. 2566 และการประชุมของกลุ่มกฎหมายและการระงับข้อพิพาท ระหว่างวันที่ 4-7 ธ.ค. 2566 ณ นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ โดยตั้งเป้าสรุปผลการเจรจาให้ได้ภายในกลางปี 2567 พร้อมกำหนดให้มีการประชุมอีก 3 ครั้ง ในช่วงเดือนม.ค. มี.ค. และเม.ย. 2567
ผลการประเมินเบื้องต้นพบว่า การเจรจา FTA ไทย-เอฟตา จะช่วยให้ GDP ของไทยเพิ่มขึ้น 0.179% หรือประมาณ 886.40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การส่งออกของไทยไปเอฟตาเพิ่มขึ้น 0.142% หรือประมาณ 405.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการนำเข้าของไทยจากเอฟตาเพิ่มขึ้น 0.224% หรือประมาณ 615.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสินค้าที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์ ได้แก่ ข้าว ข้าวโพดหวาน อาหารสำเร็จรูป อาหารสุนัขและแมว ผลไม้เมืองร้อน ไก่แปรรูป น้ำตาลและผลิตภัณฑ์ เครื่องแต่งกาย ยานยนต์และชิ้นส่วน และอัญมณีและเครื่องประดับ สำหรับภาคบริการที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์ เช่น การท่องเที่ยว การเงิน โทรคมนาคม การแพทย์และสุขภาพ พลังงานสะอาด และด้านวิชาชีพ
ในช่วง 9 เดือนของปี 2566 (ม.ค.-ก.ย.) การค้าระหว่างไทยกับเอฟตามีมูลค่า 7,036.80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปเอฟตามูลค่า 3,240.16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจากเอฟตามูลค่า 3,796.65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ นาฬิกาและส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และเครื่องใช้สำหรับเดินทาง และสินค้านำเข้าสำคัญ เช่น เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ นาฬิกาและส่วนประกอบ เนื้อสัตว์สำหรับการบริโภค ผลิตภัณฑ์ และเวชกรรมและเภสัชกรรม