กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเตรียมเข้าร่วมการประชุมเจรจาจัดทำ FTA ไทย-EFTA รอบ 7 ที่เจนีวา วันที่ 6-9 พ.ย.นี้ เผยจะมีการประชุมระดับหัวหน้าคณะผู้แทน ติดตามภาพรวมการเจรจา และการประชุมกลุ่มย่อย 9 กลุ่ม และนัดพิเศษ 2 กลุ่ม กลางเดือน พ.ย. และ ธ.ค. ยังตั้งเป้าสรุปผลกลางปี 67
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า จะเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (European Free Trade Association : EFTA) รอบที่ 7 ระหว่างวันที่ 6-9 พ.ย. 2566 ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส โดยการประชุมครั้งนี้สมาชิก EFTA 4 ประเทศ คือ สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม
สำหรับการเจรจารอบนี้ ประกอบด้วยการประชุมระดับหัวหน้าคณะผู้แทน ซึ่งกำกับดูแลการเจรจาในภาพรวม และการประชุมกลุ่มย่อย 9 กลุ่ม ได้แก่ 1. การค้าสินค้า 2. กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า 3. มาตรการเยียวยาทางการค้า 4. การค้าบริการ 5. การลงทุน 6. พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ 7. การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ 8. ความร่วมมือด้านเทคนิคและการเสริมสร้างศักยภาพ และ 9. วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
ทั้งนี้ จะมีการประชุมกลุ่มย่อยอีก 2 กลุ่ม คือ ทรัพย์สินทางปัญญา และกฎหมายและการระงับข้อพิพาท ในช่วงกลางเดือน พ.ย. และต้นเดือน ธ.ค. 2566 โดยตั้งเป้าสรุปผลการเจรจาภายในกลางปี 2567
นางอรมนกล่าวว่า ผลการศึกษาเบื้องต้น พบว่าการจัดทำ FTA ระหว่างไทยกับ EFTA จะช่วยให้ GDP ของไทยเพิ่มขึ้น 0.179% หรือประมาณ 886.40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การส่งออกของไทยเพิ่มขึ้น 0.142% หรือประมาณ 405.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการนำเข้าของไทย เพิ่มขึ้น 0.224% หรือประมาณ 615.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสินค้าเกษตรและอาหารที่ไทยจะได้รับประโยชน์ เช่น ข้าว ข้าวโพดหวาน อาหารสำเร็จรูป อาหารสุนัขและแมว ผลไม้เมืองร้อน แป้ง น้ำมันพืช ไก่แปรรูป น้ำตาลและผลิตภัณฑ์ เส้นก๋วยเตี๋ยว ผักและผลไม้กระป๋อง และน้ำผลไม้ สินค้าอุตสาหกรรม เช่น เครื่องแต่งกาย ยานยนต์และชิ้นส่วน และอัญมณีและเครื่องประดับ และภาคบริการ เช่น การท่องเที่ยว การเงิน โทรคมนาคม การแพทย์และสุขภาพ พลังงานสะอาด และด้านวิชาชีพ
ในช่วง 9 เดือนของปี 2566 (ม.ค.-ก.ย.) การค้าระหว่างไทยกับ EFTA มีมูลค่า 7,036.80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไป EFTA มูลค่า 3,240.16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจาก EFTA มูลค่า 3,796.65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ นาฬิกาและส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เครื่องใช้สำหรับเดินทาง และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และสินค้านำเข้าสำคัญ เช่น เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ นาฬิกาและส่วนประกอบ เนื้อสัตว์สำหรับการบริโภค ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ