ไทยเชิญหัวหน้าคณะเจรจา FTA ของอียู หารือกรอบการเจรจา 18 ก.ค. ร่วมกันหาข้อสรุปแผนเจรจา FTA การตั้งกลุ่มเจรจาในแต่ละประเด็น ก่อนอียูจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมรอบแรกแบบเต็มคณะเดือน ก.ย.นี้ ตั้งเป้าเจรจาจบในปี 68
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กำหนดเชิญหัวหน้าคณะเจรจา FTA ของฝ่ายสหภาพยุโรป (อียู) มาหารือที่ไทยในวันที่ 18 ก.ค.2566 ที่กรุงเทพฯ เพื่อกำหนดแนวทางการบริหารจัดการการเจรจา FTA ในภาพรวม ก่อนที่ฝ่ายอียูจะเป็นเจ้าภาพการเจรจารอบแรกแบบเต็มคณะในช่วงเดือนก.ย.2566 ณ กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม หลังจากที่ตนและนายวัลดิส ดอมบรอฟสกิส รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรปด้านเศรษฐกิจและกรรมาธิการยุโรปด้านการค้าของอียู ได้ร่วมกันประกาศเปิดการเจรจานับหนึ่ง FTA ไทยกับสหภาพยุโรปเมื่อกลางเดือนมี.ค.2566 ที่ผ่านมา
“การรื้อฟื้นการเจรจา FTA ระหว่างไทยกับอียู นับเป็นความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ ที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายกลับมาหารือกันอีกครั้งหลังจากเกือบ 10 ปี ที่หยุดการเจรจาไป โดย FTA ไทย-อียู เป็นสิ่งที่ภาคเอกชนไทยเรียกร้อง และไทยจะได้รับประโยชน์จากการจัดทำ FTA เช่น ภาษีการส่งออกสินค้าไทยไปอียูจะเป็นศูนย์ สามารถแข่งขันด้านราคาและมีแต้มต่อกับประเทศที่ไม่ได้ทำ FTA กับอียู และทำให้ภาคการผลิตลดต้นทุนการผลิตได้ โดยเฉพาะการนำเข้าเครื่องจักรอุปกรณ์และเคมีภัณฑ์ เกิดการแลกเปลี่ยนการลงทุนระหว่างกัน ไทยจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรม และช่วยดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลกมาลงทุนในไทยอีกด้วย โดยตั้งเป้าเจรจาให้เสร็จภายใน 2 ปี คือ ปี 2568”นายจุรินทร์กล่าว
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ได้เชิญนายคริสตอฟ คีแนร์ หัวหน้าคณะเจรจาของฝ่ายอียูในการเจรจา FTA ไทย-อียู มาร่วมหารือเฉพาะในระดับหัวหน้าคณะ เพื่อให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการบริหารจัดการการเจรจา FTA ไทย-อียู เช่น แผนงานการเจรจา ระเบียบวิธีการประชุม รวมถึงการจัดตั้งกลุ่มเจรจาในแต่ละประเด็น เช่น การค้าสินค้า กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า มาตรการเยียวยาทางการค้า อุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช พิธีการด้านศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า การค้าบริการและการลงทุน การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ การแข่งขัน รัฐวิสาหกิจ ทรัพย์สินทางปัญญา การค้าและการพัฒนาที่ยั่งยืน ความโปร่งใส กลไกระงับข้อพิพาท การค้าดิจิทัล พลังงานและวัตถุดิบ SMEs หลักปฏิบัติที่ดีด้านกฎระเบียบ
ทั้งนี้ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2561-2565) การค้าระหว่างไทยและอียู มีมูลค่าเฉลี่ยปีละ 38,523.56 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยปี 2565 อียูเป็นคู่ค้าอันดับที่ 4 ของไทย สำหรับในช่วง 5 เดือนของปี 2566 (ม.ค.-พ.ค.) การค้าระหว่างไทยและอียู มีมูลค่า 17,598.04 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปอียู มูลค่า 9,392.30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจากอียู มูลค่า 8,205.74 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ การแพทย์ เป็นต้น