xs
xsm
sm
md
lg

สนค.ชงแผนยกระดับการค้า SMEs สู่เป้าหมาย 40% ต่อ GDP ภายในปี 70

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สนค.รับลูก “ภูมิธรรม-นภินทร” ศึกษาแนวทางการส่งเสริมและยกระดับการค้าของธุรกิจ SMEs ไทย เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมาย เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจเป็นสัดส่วน 40% ต่อ GDP ภายในปี 70 เสนอใช้ 4 แนวทาง 8 เครื่องมือสำคัญ และต้องทำ 3 ข้อเสนอแนะในการเดินสู่เป้าหมาย

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้ สนค. ศึกษาแนวทางการส่งเสริมและยกระดับการค้าของธุรกิจขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ของไทย เพื่อผลักดันให้ธุรกิจ SMEs มีมูลค่าทางเศรษฐกิจคิดเป็นสัดส่วน 40% ต่อ GDP ภายในปี 2570 โดยผลการศึกษา เบื้องต้นจะต้องใช้ 4 แนวทาง 8 เครื่องมือสำคัญ และ 3 ข้อเสนอแนะ เพื่อเดินไปสู่เป้าหมาย

สำหรับแนวทางการขับเคลื่อนทางการค้าของธุรกิจ SMEs 4 แนวทาง ได้แก่ 1. สร้างและขยายตลาดการบริโภคภายในประเทศ ผ่านการกระตุ้นให้ผู้บริโภคคนไทย ชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยว รวมถึงแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในไทย ซื้อสินค้าและใช้บริการของธุรกิจ SMEs ให้มากขึ้น โดยจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในย่านสำคัญของเมืองหรือจังหวัด การนำสินค้าที่มีคุณภาพพรีเมียมไปวางจำหน่ายในศูนย์การค้า สนามบินนานาชาติ เช่น สินค้า GI สินค้า OTOP สินค้าวิสาหกิจชุมชน การจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจทั้งแบบ B-to-B และ B-to-C ขณะที่ตัวธุรกิจ SMEs ควรพัฒนาธุรกิจให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน ซึ่งส่งเสริมให้ทำการตลาดและขายสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์/E-Commerce ใช้ระบบเทคโนโลยีในการบริหารงาน สร้างแบรนด์สินค้าที่มีจุดเด่น แตกต่าง รวมถึงจดทะเบียนเครื่องหมายทางการค้าและทรัพย์สินทางปัญญา

2. ส่งเสริมให้ธุรกิจ SMEs สามารถลงทุนด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม เพื่อนำไปใช้พัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ผู้บริโภค เพิ่มกำลังการผลิต เพิ่มมูลค่าธุรกิจ เช่น การสนับสนุนเงินทุนภายใต้เงื่อนไขพิเศษเพื่อนำไปหมุนเวียนในกิจการ การจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจระหว่างธุรกิจ SMEs และระหว่างธุรกิจ SMEs กับนักวิจัย/นักพัฒนา การส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านช่องทางตลาดทุน เพื่อเป็นทางเลือกในการหาแหล่งเงินทุนระยะยาว โดยเฉพาะการระดมทุนเพื่อใช้ในการลงทุนวิจัยและพัฒนาองค์กรและผลิตภัณฑ์ในระยะข้างหน้า

3. ผลักดันให้หน่วยงานภาครัฐจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการของธุรกิจ SMEs โดยสนับสนุน “มาตรการสนับสนุนให้ SMEs เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ” ของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐที่อยู่ในส่วนภูมิภาค องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการของธุรกิจในพื้นที่

4. ส่งเสริมการขยายตลาดในต่างประเทศ ประกอบด้วย การหาตลาดผู้บริโภคให้แก่ธุรกิจ SMEs เช่น การนำผู้ประกอบการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ การจัดงาน Expo ณ ศูนย์การค้าชื่อดังของต่างประเทศให้แก่ธุรกิจ SME การประชาสัมพันธ์ตรา Thailand Trust Mark (T-Mark) ให้เป็น soft power ด้าน branding เพื่อสร้างการยอมรับในตราที่แสดงถึงความเชื่อมั่นด้านคุณภาพ และการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการให้สามารถเข้าสู่ตลาดสากล อาทิ ผลักดันธุรกิจให้ได้รับมาตรฐานระหว่างประเทศ ทั้งในระดับองค์กร และสินค้า/บริการ พัฒนาผู้ประกอบการให้สามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีภายใต้ FTA การนำสินค้าจำหน่ายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ของต่างประเทศ ตลอดจนส่งเสริม Cross-Border E-Commerce นอกจากนี้ ควรเพิ่มบทบาทงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของสำนักงานพาณิชย์จังหวัด เพื่อเป็นที่ปรึกษาในการสนับสนุนให้ธุรกิจ SME ไทย สามารถขยายตลาดสินค้าไปยังต่างประเทศได้

ส่วน 8 เครื่องมือสำคัญที่จะต้องดำเนินการ ได้แก่ 1. การส่งเสริมการตลาดทั้งในและต่างประเทศ 2. การพัฒนาแบรนด์ให้แก่สินค้าและบริการ 3. การส่งเสริมให้เข้าถึงแหล่งงานศึกษาวิจัย เพื่อนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า 4. การส่งเสริมให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างสะดวกและยั่งยืน 5. การฝึกอบรมทักษะของผู้ประกอบการและแรงงานให้สามารถบริหารธุรกิจท่ามกลางทุกสถานการณ์เศรษฐกิจ 6. การส่งเสริมให้สินค้าและบริการได้รับการจดทะเบียนรับรองมาตรฐานทั้งในระดับประเทศและระดับสากล เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค 7. การลดข้อจำกัดของกฎระเบียบ เพื่อให้ง่ายต่อการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชน และ 8. การพัฒนาธุรกิจขนาดเล็กให้สามารถยกระดับเป็นธุรกิจขนาดกลางผ่านการพัฒนาทักษะของเจ้าของธุรกิจให้มีความสามารถในการบริหารองค์กรอย่างมีระบบและมีมาตรฐาน

ทางด้านข้อเสนอแนะต่อการทำงานที่สำคัญในการส่งเสริม พัฒนา และยกระดับธุรกิจ SMEs ไทย มีอยู่ 3 ประการที่ควรให้ความสำคัญ คือ 1. ทำให้มูลค่า/รายได้ของกิจการเพิ่มขึ้น เพิ่มปริมาณธุรกิจขนาดกลาง (ยกระดับธุรกิจขนาดเล็กเป็นธุรกิจขนาดกลาง) เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพทางการแข่งขันในระดับสากล สามารถใช้ประโยชน์จากการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ เชื่อมโยงธุรกิจกับห่วงโซ่อุปทานโลกได้ง่าย ดังนั้น การพัฒนาและยกระดับธุรกิจขนาดเล็กไปสู่การเป็นธุรกิจขนาดกลาง จะช่วยผลักดันให้ประเทศบรรลุเป้าหมายสัดส่วนมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ง่ายขึ้น รวมทั้งการพัฒนาธุรกิจรายย่อยเป็นธุรกิจขนาดเล็ก 2. ให้ความสำคัญต่อการทำงานด้านการส่งเสริมผู้บริโภค (Demand) ควบคู่การทำงานด้านการพัฒนาฝั่งผู้ประกอบการ (Supply) และ 3. เน้นการทำงาน/วางนโยบายแบบมุ่งเป้า เนื่องจากธุรกิจ SMEs ประกอบด้วยธุรกิจที่หลากหลายทั้งเชิงขนาด สาขาธุรกิจ พื้นที่ที่ดำเนินธุรกิจ ซึ่งมีความต้องการพัฒนา ปัญหา/อุปสรรค ที่แตกต่างเฉพาะตัว จึงควรวางนโยบายและแผนงานที่แตกต่างกัน เพื่อส่งเสริมและแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด

ปัจจุบันธุรกิจ SMEs คิดเป็น 99.5% ของจำนวนธุรกิจทั้งหมด และเป็นแหล่งรองรับการจ้างงานกว่า 70% ของจำนวนแรงงานทั้งประเทศ ในปี 2565 ธุรกิจ SMEs สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศอยู่ที่ 6.1 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 35.2% ต่อ GDP หากจะให้บรรลุผลตามเป้าหมายข้างต้นต้องผลักดันให้มีมูลค่าทางเศรษฐกิจขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 8-9 ล้านล้านบาท ภายในปี 2570


กำลังโหลดความคิดเห็น