“ภูมิธรรม” กดปุ่มโอนเงินไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ สูงสุด 20,000 บาท ให้เกษตรกร 4.68 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ วงเงินรวม 54,366 ล้านบาท จ่ายรวม 5 งวด ตั้งแต่วันนี้ถึง 2 ธ.ค. 66
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการ Kick Off มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/67 ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่บริเวณด้านหน้าตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2566 ที่ผ่านมา ที่ประชุม ครม.ได้มีมติเห็นชอบมาตรการให้เงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ต่อครัวเรือน หรือไม่เกินครัวเรือนละ 20,000 บาท ตามโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/67 มีเป้าหมายเกษตรกร 4.68 ล้านครัวเรือน หลังจากนั้นธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้ดำเนินการตามขั้นตอน และกำหนดการจ่ายเงิน แบ่งเป็น 5 งวด (28 พ.ย.-2 ธ.ค. 66) เริ่มจ่ายวันนี้ (28 พ.ย.) เป็นวันแรกครอบคลุม 21 จังหวัด จนถึงวันที่ 2 ธ.ค. 2566 จึงจะครบทั้ง 77 จังหวัด กรอบวงเงินรวมกว่า 54,336 ล้านบาท ผ่านบัญชี ธ.ก.ส.
“รัฐบาลตั้งใจที่จะลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร โดยความร่วมมือครั้งนี้สำเร็จได้เพราะพี่น้องเกษตรกรและตัวแทนชาวนาช่วยกัน วันนี้เป็นวันแรกที่โอนเงิน และเมื่อครบ 5 วันก็ครบทั้งประเทศ ปีต่อไปให้มาลงทะเบียนกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิต อนาคตเราจะใช้เทคโนโลยีมาเสริมให้ผลผลิตสูงขึ้น จะได้เอาเงินก้อนนี้มาแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้มากขึ้น เพื่อให้ผลผลิตต่อไร่ดีกว่านี้ ความสำเร็จในครั้งนี้ได้ความร่วมมือจากกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และกระทรวงเกษตรฯ ขอให้เกษตรกรทุกคนมีกำลังใจ” นายภูมิธรรมกล่าว
นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย กล่าวว่า "ขอบคุณรัฐบาลที่ให้เงินไร่ละ 1,000 แก่เกษตรกร ขอบคุณท่านรองนายกฯ และทุกท่านที่ให้ความสำคัญต่อเกษตรกร ชาวนาทุกคนฝากขอบคุณ"
รายงานข่าวจากกรมการค้าภายใน แจ้งว่า การจ่ายเงินโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/67 แบ่งเป็น 5 งวด ประกอบด้วย งวดที่ 1 จ่ายวันที่ 28 พ.ย. 2566 จำนวน 21 จังหวัด คือ หนองบัวลำภู เลย นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย กำแพงเพชร อุตรดิตถ์ อุทัยธานี ตาก เชียงราย พะเยา ลำปาง แพร่ เชียงใหม่ น่าน ลำพูน แม่ฮ่องสอน ลพบุรี และกรุงเทพฯ
งวดที่ 2 จ่ายวันที่ 29 พ.ย. 2566 จำนวน 8 จังหวัด คือ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม สกลนคร อุดรธานี นครพนม หนองคาย มุกดาหาร และบึงกาฬ
งวดที่ 3 จ่ายวันที่ 30 พ.ย. 2566 จำนวน 5 จังหวัด คือ นครราชสีมา สุรินทร์ บุรีรัมย์ ชัยภูมิ และยโสธร
งวดที่ 4 จ่ายวันที่ 1 ธ.ค. 2566 จำนวน 5 จังหวัด คือ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ ขอนแก่น และกาฬสินธุ์
งวดที่ 5 จ่ายวันที่ 2 ธ.ค. 2566 จำนวน 38 จังหวัด คือ อยุธยา ชัยนาท สิงห์บุรี ปทุมธานี สระบุรี อ่างทอง นนทบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี นครนายก ชลบุรี ระยอง สมุทรปราการ จันทบุรี ตราด สุพรรณบุรี นครปฐม กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี สมุทรสาคร ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสงคราม นครศรีธรรมราช สงขลา พัทลุง ตรัง สตูล ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สุราษฎร์ธานี ชุมพร ภูเก็ต กระบี่ ระนอง และพังงา
เกษตรกรสามารถตรวจสอบผลการโอนเงินได้ทางแอปพลิเคชัน BAAC Mobile ตลอด 24 ชั่วโมง และจะมีข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าบัญชีผ่านบริการ BAAC Connect ทาง Line : BAAC Family อีกด้วย