xs
xsm
sm
md
lg

PTTGC โชว์กำไรสวนทางตลาดเคมีภัณฑ์โลกขาลง “วางแผนล่วงหน้ารับมือ ศก.โลกถดถอย”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“พีทีที โกลบอล เคมิคอล” แย้มวางแผนล่วงหน้าเตรียมความพร้อมรับมือเศรษฐกิจโลกถดถอยและตลาดเคมีภัณฑ์วัฏจักรขาลง ทั้งการลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ รักษาวินัยทางการเงิน และขับเคลื่อนกลยุทธ์ 3 Steps Plus ส่งผลให้บริษัทมีความเข้มแข็ง หนุนไตรมาส 3/66 พลิกมีกำไรสุทธิ 1,427 ล้านบาท และมี Adjusted EBITDA ที่ 12,307 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน สวนทางค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่มี EBITDA ลดลง 20-40%

นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ยังคงเผชิญกับความท้าทายอย่างมาก และ Industry Landscape ที่เปลี่ยนไป ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ทั่วโลก ในขณะที่บริษัทได้มีการวางแผนรับมือล่วงหน้ามุ่งเน้นทำสิ่งที่เราควบคุมได้ และดำเนินมาตรการภายในที่เข้มแข็งมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2559 ผ่านโครงการกว่า 10,000 โครงการ ส่งผลให้เกิดผลประโยชน์สะสมเฉลี่ยมากกว่า 6,900 ล้านบาทต่อปี


การดำเนินการมาตรการภายในที่เข้มแข็ง ได้แก่ 
Business Enhancement : การเพิ่มประสิทธิภาพเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการผลิตได้ผลประโยชน์สะสมเฉลี่ยมากกว่า 5,200 ล้านบาทต่อปี

Organization &Digital Transformation : ปรับกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพทั่วทั้งองค์กร นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาปรับใช้การปรับโครงสร้างองค์กรและเพิ่มศักยภาพบุคลากร
ได้ผลประโยชน์สะสมเฉลี่ยประมาณ 1,700 ล้านบาทต่อปี

ดำเนินมาตรการทางการเงิน : คงวินัยทางการเงินที่เข้มแข็งบริหารสภาพคล่องควบคุมค่าใช้จ่าย และบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ, ลด OPEX ต่อเนื่องทุกปี โดยในปี 2566 คาดว่าจะลดได้ 1,500-2,000 ล้านบาท, ลด CAPEX ประมาณ 7,000 ล้านบาท โดยการเลือกลงทุนในโครงการที่ให้ผลตอบแทนดีและช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก, การลดหนี้และบริหารต้นทุนทางการเงิน โดยการซื้อคืนหุ้นกู้ (US Bond buy back) ทำให้มีกำไรประมาณ 460 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของปี 2566 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในไตรมาส 4 นี้

Asset Light Strategy : ปรับโครงสร้างธุรกิจลดการถือครองสินทรัพย์ที่เป็น Non-core Assets


นายคงกระพันกล่าวต่อไปว่า บริษัทได้ดำเนินการตามกลยุทธ์ 3 Steps Plus ส่งผลให้บริษัทมีพื้นฐานที่ดีและมีผลบวกในด้านต่างๆ รวมถึงผลประกอบการไตรมาส 3/2566 ที่ดีขึ้น พร้อมกันนี้ บริษัทได้ทำการทบทวนและจัดลำดับความสำคัญให้สอดคล้องกับสถานการณ์ Industry Landscape ที่เปลี่ยนไป โดยกลยุทธ์ 3 Steps Plus ประกอบด้วย 1. Step Change สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ 2. Step Out มุ่งยกระดับความสามารถในการแข่งขันสู่ธุรกิจ High Value (Specialty Chemicals) and Low Carbon ( Bio and Circularity) และ 3. Step Up บูรณาการความยั่งยืนเข้าไปในธุรกิจ มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี พ.ศ. 2593

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,427 ล้านบาท มี Adjusted EBITDA ที่ 12,307 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ขณะที่ค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ส่วนใหญ่อยู่ช่วงขาลงมีการปรับตัวลดลงของ EBITDA ในไตรมาส 3/2566 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2566 ประมาณ 20-40%

ทั้งนี้ บริษัทเป็นองค์กรยั่งยืนที่ได้รับการยอมรับระดับสากล โดยบริษัทได้รับรางวัล DJSI อันดับหนึ่งของโลกในกลุ่มเคมีภัณฑ์ 4 ปีติดต่อกัน (2562-2565) และในปี 2566 ได้รับคะแนนสูงสุดในกลุ่มเคมีภัณฑ์ รวมทั้งยังได้รับรางวัลอื่นๆ เช่นรางวัล Platinum ระดับสูงสุดจาก Ecovadis, ดัชนีชี้วัดความยั่งยืน CDP Waterand Climate เป็นต้น

ล่าสุดตอกย้ำศักยภาพการเป็น Sustainability Thought Leader จากการจัดงาน GC Sustainable Symposium 2023:We are GEN S เป็นเวทีแบ่งปันองค์ความรู้ด้านความยั่งยืนในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยมีผู้ชมการถ่ายทอดสดผ่าน LIVE ใน 125 ประเทศทั่วโลก ได้ต่อยอดธุรกิจเพื่อก้าวสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำและเพิ่มโอกาสในการร่วมงานกับพาร์ตเนอร์ใหม่ที่สำคัญ


กำลังโหลดความคิดเห็น