"สุริยะ" มอบนโยบายกรมทางหลวง ดันมอเตอร์เวย์ 3 สาย วงเงินกว่า 9.1 หมื่นล้าน เปิด PPP ดึงเอกชนลงทุน ต่อขยายโทลล์เวย์ และยกระดับ “บางขุนเทียน-บางบัวทอง” สั่งเข้มน้ำหนักบรรทุกตามกฎหมาย ลั่นยุคนี้ห้ามมีส่วยสติกเกอร์
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายกรมทางหลวง (ทล.) ว่า กรมทางหลวงถือเป็นหน่วยงานหลักของกระทรวงคมนาคม ที่มีโครงการขนาดใหญ่และมีขอบเขตความรับผิดชอบมาก ทั้งในเรื่องภารกิจ งบประมาณ และจำนวนบุคลากร ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์สำคัญๆ ของประเทศให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยส่งเสริมและพัฒนาระบบโครงข่ายทางถนนให้ครอบคลุมเชื่อมโยงภูมิภาคถึงภูมิภาค เชื่อมจังหวัดถึงจังหวัด รองรับความต้องการเดินทางของประชาชน ช่วยลดระยะเวลาการเดินทาง ลดต้นทุนการขนส่ง และมีโครงข่ายที่ส่งเสริมด้านการเกษตร ท่องเที่ยว การค้า การลงทุน แหล่งอุตสาหกรรม และสามารถบูรณาการกับระบบขนส่งได้ในทุกมิติ การเชื่อมต่อการเดินทางของคนและสินค้าจากถนนสู่ท่าเรือ หรือจากถนนสู่ท่าอากาศยาน แบบไร้รอยต่อ เพิ่มขีดความสามารถสมรรถนะทางเศรษฐกิจ และสร้างรายได้ของประเทศ
โดยให้นโยบายสำคัญในการพัฒนาโครงข่ายทางถนน คือ 1. ต้องเพิ่มคุณภาพด้านความปลอดภัย และลดอุบัติเหตุ แก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด ปัญหามลพิษ PM 2.5 โดยผลักดันการพัฒนาโครงการมอเตอร์เวย์ที่มีการควบคุมการเข้าออก ไม่มีจุดตัดทางแยก มีมาตรฐานด้านความปลอดภัย ตามกรอบ MR-MAP ซึ่งจะเกิดประโยชน์ในการเชื่อมต่อขนส่งสินค้าระหว่างกันจากภูมิภาคถึงภูมิภาค จังหวัดถึงจังหวัด รวมไปถึงเชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้านจากชายแดนถึงชายแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจุบันโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างได้สั่งการให้เร่งรัด กำชับ ติดตามให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จเพื่อเปิดให้บริการแก่พี่น้องประชาชนได้โดยเร็ว ได้แก่
1. โครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ M6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา ซึ่งในวันที่ 12 ตุลาคม 2566 ตนจะลงพื้นที่ไปตรวจเร่งรัด แก้ไขปัญหาที่สถานที่ก่อสร้าง เพื่อให้งานก่อสร้างทั้งหมดแล้วเสร็จตามแผนที่วางไว้ 2. โครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ M81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี 3. โครงการทางยกระดับบนถนนพระราม 2 (มอเตอร์เวย์ M82) สายบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว 4. โครงการพัฒนาคูน้ำริมถนนวิภาวดีรังสิต และ 5. โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) ซึ่งจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมและเร่งรัดติดตามการดำเนินการในโอกาสต่อไปเพื่อให้งานแล้วเสร็จ สามารถเปิดให้บริการได้ตรงเวลาตามแผนที่วางไว้
“เน้นย้ำเรื่องปลอดภัยแก่ผู้ใช้เส้นทางในระหว่างการก่อสร้าง และเมื่อเปิดใช้โครงการแล้ว โดยต้องเน้นมาตรฐานทั้งในขั้นตอนการออกแบบ การก่อสร้าง และในขั้นเปิดให้ใช้งานจำเป็นต้องกำกับควบคุมให้ได้คุณภาพตามมาตรฐานของ ทล. ที่ต้องพัฒนาให้ได้ตามมาตรฐานสากล โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยด้านการจราจร การทาสี ตีเส้น และป้ายสะท้อนแสงต่างๆ ต้องดูแลบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานได้ดี ทำให้พี่น้องประชาชนเดินทางได้อย่างมั่นใจทั้งในกลางวันและกลางคืน ทั้งในสภาพอากาศที่ดีและในเวลาทัศนวิสัยไม่ดีมีฝนตกหนัก” นายสุริยะกล่าว
ส่วนการบริหารการเบิกจ่ายงบประมาณและการบริหารสัญญาของโครงการต่างๆ จำเป็นต้องวางแผนล่วงหน้า จัดเตรียมทุกขั้นตอนก่อนลงนามสัญญาก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นการเวนคืนที่ดิน การรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภค การสำรวจสภาพพื้นที่ก่อสร้างให้ตรงกับแบบที่ออกไว้ ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้เป็นไปตามแผนในขั้นปฏิบัติ โดยเฉพาะโครงการในงบประมาณปี 2567 ซึ่งมีระยะเวลาการทำงานที่สั้นลง ดังนั้น การบริหารงานที่มีประสิทธิภาพสูงจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง
โดยในปี 2566 ทล.รายงานว่า ได้รับงบประมาณ 118,994 ล้านบาท (งบลงทุน 95%) ผลเบิกจ่ายอยู่ที่ 96. 21% ส่วนปี 2567 เสนอของบที่ 338,418 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มจากกรอบรอบก่อนหน้าการปรับปรุงใหม่ โดยเพิ่มเติมงานด้านความปลอดภัยตามนโยบายนายกรัฐมนตรี เช่น การพัฒนายกระดับระบบคมนาคมที่จังหวัดภูเก็ต ได้แก่ โครงการขยาย 4 ช่องจราจรบนทางหลวงเลี่ยงเมืองหมายเลข 4027 พร้อมทั้งการปรับปรุงแนวใหม่บริเวณทางแยกเข้าสนามบิน โครงการปรับปรุงทางลอด บริเวณแยกอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร ซึ่งจะต้องเร่งรัดให้สามารถจัดซื้อจัดจ้างแล้วเสร็จในปี 2567 และเริ่มก่อสร้างได้โดยเร็ว
@ ชง ครม.เคาะประมูลมอเตอร์เวย์ “ขยายโทลล์เวย์” และ “บางขุนเทียน-บางบัวทอง” ปี 67
นอกจากนี้ ยังมีโครงการระยะกลาง ระยะยาว ที่ต้องดำเนินการควบคู่ไป เช่น โครงการพัฒนามอเตอร์เวย์สายใหม่ที่ต้องเร่งดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างให้มีการลงนามสัญญาก่อสร้างได้ทันภายในรัฐบาลนี้ ได้แก่
1. โครงการมอเตอร์เวย์ส่วนต่อขยายดอนเมืองโทลล์เวย์ (M5) สายรังสิต-บางปะอิน ระยะทาง 22 กม. ค่าก่อสร้าง 31,280 ล้านบาท ที่จะเชื่อมไปถึง Junction บางปะอินซึ่งจะเป็นจุดตัดของทางหลวงและมอเตอร์เวย์มอเตอร์เวย์ 3 สาย 2. ถนนวงแหวนรอบนอก (M9) ฝั่งตะวันตกช่วงบางขุนเทียน-บางบัวทอง ระยะทาง 35.85 กม. ค่าก่อสร้าง 56,035 ล้านบาท คณะกรรมการ PPP เห็นชอบรูปแบบลงทุนแล้ว ทล.เตรียมสรุปเสนอคมนาคมเพื่อเสนอ ครม.อนุมัติโครงการต่อไป 3. มอเตอร์เวย์ส่วนต่อขยายเชื่อมสนามบินอู่ตะเภา (M7) ระยะทาง 1.92 กม. ค่าก่อสร้าง 4,508 ล้านบาท ครม.เห็นชอบแล้ว อยู่ระหว่างจัดหาแหล่งเงินกู้ และเตรียมหาผู้รับจ้างในปี 2566 เพื่อเริ่มก่อสร้างในปี 2567
นอกจากนี้ ยังมีโครงการถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครรอบที่ 3 ฝั่งตะวันออก ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของวงแหวน MR10 ในอนาคต, โครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ M8 สายนครปฐม-ชะอำ, โครงการ Pilot Project ตามผลการศึกษา MR-MAP เช่น MR2 ช่วงแหลมฉบัง-โคราช
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาเรื่องการจราจรติดขัดหน้าด่านเก็บเงิน ระบบมอเตอร์เวย์ โดยใช้ระบบ Free Flow ไม่มีไม้กั้นแบบ M-Flow เป็นหลัก ไม่ให้เป็นคอขวดที่หน้าด่านเก็บเงิน
@เข้มน้ำหนักบรรทุกตามกฎหมาย ห้ามมีส่วยสติกเกอร์
นายสุริยะกล่าวถึงกรณีปัญหารถบรรทุกน้ำหนักเกินและส่วยสติกเกอร์ว่า ตนให้ความสำคัญมาก ได้เน้นย้ำให้ ทล.ป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว พร้อมระบุว่าในช่วงที่ตนดำรงตำแหน่ง รมว.คมนาคม จะต้องไม่มีปัญหาส่วยสติกเกอร์ และจะลงพื้นที่เพื่อสุ่มตรวจการดำเนินการ ณ ด่านชั่งน้ำหนักด้วย
สำหรับการรับคนไทยจากประเทศอิสราเอลเดินทางกลับประเทศไทย กระทรวงฯ ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมการอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ทั้งด้านสนามบินและบุคลากร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ