กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเผยผลประชุมจัดทำ FTA ไทย-เอฟตา รอบที่ 6 คืบหน้าตามเป้าหมาย ทั้งการประชุมระดับหัวหน้าคณะผู้แทน และการประชุมกลุ่มย่อยผู้เชี่ยวชาญ 11 คณะ นัดประชุมอีก 3 รอบ ตั้งเป้าสรุปผลกลางปี 67 ย้ำการทำ FTA ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.20% สินค้าส่งออกได้ประโยชน์เพียบ ทั้งข้าว ข้าวโพดหวาน อาหารสำเร็จรูป อาหารสุนัขและแมว ผลไม้เมืองร้อน รวมถึงสาขาบริการ
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงผลการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป หรือเอฟตา (European Free Trade Association: EFTA) รอบที่ 6 ระหว่างวันที่ 12-15 ก.ย. 2566 ที่ผ่านมา ณ กรุงเทพฯ ว่า การเจรจารอบนี้ประกอบด้วย การประชุมระดับหัวหน้าคณะผู้แทน ซึ่งตนเป็นประธานร่วมกับนายมาร์คัส สลาเกนฮอฟ เอกอัครราชทูตผู้แทนสมาพันธรัฐสวิสด้านความตกลงการค้า และหัวหน้าฝ่ายการค้าโลก ภายใต้คณะกรรมการกิจการเศรษฐกิจต่างประเทศ หัวหน้าทีมฝ่ายเอฟตา เพื่อติดตามและกำกับความคืบหน้าการเจรจาในภาพรวม ซึ่งมีความคืบหน้าด้วยดี และเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
ส่วนการประชุมกลุ่มย่อยผู้เชี่ยวชาญ 11 คณะ ได้แก่ 1. การค้าสินค้า 2. มาตรการเยียวยาทางการค้า 3. มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช 4. การค้าบริการ 5. การลงทุน 6. การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ 7. ทรัพย์สินทางปัญญา 8. การค้าและการพัฒนาที่ยั่งยืน 9. ข้อบททั่วไป ข้อบทสุดท้าย ข้อบทเชิงสถาบัน และการระงับข้อพิพาท 10. ความร่วมมือด้านเทคนิคและการเสริมสร้างศักยภาพ และ 11. วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ก็มีความคืบหน้าและลงลึกในแต่ละเรื่องได้ตามเป้า
ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายวางแผนจะจัดการประชุมอีก 3 ครั้งในเดือน พ.ย.2566 เดือน ม.ค. และ มี.ค. 2567 เพื่อมุ่งสู่การสรุปผลเจรจาภายในกลางปี 2567
สำหรับผลการศึกษาประโยชน์และผลกระทบจากการจัดทำ FTA ไทย-เอฟตา คาดจะส่งผลให้ GDP ไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.20% และการส่งออกเพิ่มขึ้น 3.8% (ประมาณ 142.45 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) สินค้าที่ไทยมีโอกาสขยายตลาดได้มากขึ้น เช่น ข้าว ข้าวโพดหวาน อาหารสำเร็จรูป อาหารสุนัขและแมว ผลไม้เมืองร้อน ส่วนสาขาบริการที่ได้ประโยชน์ เช่น การท่องเที่ยว การเงิน โทรคมนาคม การแพทย์/สุขภาพ พลังงานสะอาด และด้านวิชาชีพ
ปัจจุบันสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (เอฟตา) เป็นคู่ค้าอันดับที่ 14 ของไทย โดยในช่วง 7 เดือนของปี 2566 (ม.ค.-ก.ค.) การค้าระหว่างไทยกับเอฟตามีมูลค่า 5,337.13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปเอฟตามูลค่า 2,504.37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจากเอฟตา มูลค่า 2,832.76 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ นาฬิกาและส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และเครื่องใช้สำหรับเดินทาง และสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ นาฬิกาและส่วนประกอบ และเนื้อสัตว์สำหรับการบริโภค