กกร.ถกวันนี้เร่งรัฐแก้สินค้าจีนทุ่มตลาด ลุ้นรัฐปรับลดค่าไฟ

กกร.หารือวันนี้ เตรียมรีวิวข้อเสนอในสมุดปกขาวจ่อเพิ่มแนวทางการแก้ไขปัญหาสินค้าจีนทุ่มตลาดหวั่นฉุดเศรษฐกิจหลังกระทบ 20 กว่ากลุ่มอุตสาหกรรมของ ส.อ.ท.แล้ว พร้อมหารือภาพรวมเศรษฐกิจปี 2566 หลังการส่งออกยังคงติดลบต่อเนื่อง หนุนมาตรการฟรีวีซ่าจีนขับเคลื่อนท่องเที่ยวปลายปี จับตาค่าไฟ ก.ย.-ธ.ค.หากยืดหนี้ กฟผ.จะลดเหลือ 4.07 บาทต่อหน่วย

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่ประกอบด้วย ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย วันนี้ (7 ก.ย. 66) จะมีการทบทวนข้อเสนอของ กกร.ที่ได้จัดทำและยื่นแนวทางดังกล่าวให้กับพรรคการเมืองไว้ก่อนหน้านี้เพื่อการนำเสนอต่อรัฐบาลชุดใหม่โดยเฉพาะการเพิ่มแนวทางการป้องกันสินค้าจีนที่เข้ามาทุ่มตลาดในไทยเพิ่มขึ้นจนกระทบต่อภาคการผลิตของไทยอย่างมากในปัจจุบัน

"คงจะมีการเพิ่มข้อเสนอที่จะให้รัฐเร่งเข้ามาแก้ไขปัญหาสินค้าจีนที่เข้ามาทุ่มตลาดที่ขณะนี้ที่อุตสาหกรรมราว 20 กว่ากลุ่มที่เป็นสมาชิก ส.อ.ท.กำลังประสบปัญหาหนักและหากปล่อยไว้อาจจะกระทบทั้งหมดใน 45 กลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งจะไม่ได้เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป" นายเกรียงไกรกล่าว

นอกจากนี้ กกร.จะมีการพิจารณาภาพรวมเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ปี 2566 ว่าจะมีทิศทางอย่างไรเนื่องจากการส่งออกของไทยในเดือน ก.ค. 66 ยังคงหดตัว 6.6% และเป็นการลดลง 10 เดือนติด รวมถึงการที่รัฐบาลใหม่มีมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวโดยเฉพาะฟรีวีซ่าจีนจะมีส่วนกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงไตรมาส 4 เพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใดด้วย

"ต้องหารือภาพรวมว่าจะมีการทบทวน GDP ใหม่หรือไม่อย่างไร โดย กกร.เดือน ส.ค.ได้คงการเติบโต GDP ทั้งปีที่จะขยายตัว 3-3.5% ส่งออก -2 ถึง 0% เงินเฟ้อ 2.2-2.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากเศรษฐกิจโลกในช่วงที่เหลือของปีเผชิญผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง" นายเกรียงไกรกล่าว

สำหรับค่าไฟฟ้าจากการที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะลดราคาน้ำมันและค่าไฟฟ้า ถือเป็นมาตรการที่เอกชนสนับสนุนแต่อยากเห็นการปรับโครงสร้างที่จะทำให้ราคาค่าไฟฟ้าของไทยสามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้เพื่อที่จะส่งเสริมการลงทุนในไทยระยะยาว เช่นเดียวกับกรณีฟรีวีซ่าจีน กกร.เองมองว่ารัฐบาลได้แก้ไขถูกจุดและเป็นมาตรการเร่งด่วนแม้ว่าบางฝ่ายจะมองในเรื่องของปัญหาความมั่นคงก็ตามเนื่องจากการท่องเที่ยวกำลังเข้าสู่ไฮซีซันช่วงปลายปีการดำเนินนโยบายฟรีวีซ่าจีนจะมีส่วนผลักดันให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนมีโอกาสเป็นไปตามเป้าหมาย 5 ล้านคนได้

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงานกล่าวว่า ค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) ก.ย.-ธ.ค. 66 หากพิจารณาตัวเลขจริงอยู่ที่ 4.07 บาทต่อหน่วย แต่เมื่อรวมภาระหนี้ที่ต้องคืนหนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) 38 สตางค์ต่อหน่วยมติคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จึงเรียกเก็บค่าไฟที่หน่วยละ 4.45 บาท หากจะลดลงก็ต้องยืดหนี้ กฟผ. โดยคิดเป็นเงินประมาณ 600 ล้านบาทต่อ 1 สตางค์ ดังนั้น หากพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน อยากให้ลดอัตราค่าไฟฟ้าให้ได้มากกว่านี้ก็สามารถทำได้ โดยหารือกับ กฟผ. และออกเป็นมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ออกมาให้ กฟผ.ยืดหนี้ออกไปอีก และรัฐบาลก็จะต้องเข้าไปดูแล กฟผ.แทน