กรมการค้าต่างประเทศแจ้งข่าวดีผู้ส่งออกน้ำตาล หลังเวียดนามประกาศผลชั้นที่สุดในการทบทวนอัตราอากร AD และ CVD สินค้าน้ำตาลจากไทย เผยอากร AD ลดลงเหลือ 25.73-32.75% จาก 42.99% และ CVD บางรายไม่เสีย บางรายเสียเท่าเดิม คาดช่วยหนุนการส่งออกน้ำตาลไทยไปเวียดนามได้เพิ่มขึ้น
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 ส.ค.2566 ที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม ได้ประกาศผลชั้นที่สุดในการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนน้ำตาล ที่มีแหล่งกำเนิดจากไทย โดยอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) และอัตราอากรตอบโต้การอุดหนุน (CVD) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยกลุ่มน้ำตาลมิตรผลได้รับการปรับลดอัตราอากร AD มาอยู่ที่ 32.75% และอากร CVD อยู่ที่ 0% และกลุ่มไทยรุ่งเรือง ได้รับการปรับลดอัตราอากร AD มาอยู่ที่ 25.73% ขณะที่อากร CVD ยังคงเดิมที่ 4.65% ซึ่งต่ำกว่าอัตราที่ประกาศในร่างผลการทบทวน ซึ่งเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยผลักดันการส่งออกน้ำตาลของไทยไปเวียดนาม
ทั้งนี้ เวียดนามเริ่มเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนสินค้าน้ำตาล ที่มีแหล่งกำเนิดจากไทย ตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย.2564 มีกำหนด 5 ปี เนื่องจากพบหลักฐานว่าน้ำตาลจากไทยมีพฤติกรรมทุ่มตลาด รวมถึงได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาลไทย อันเป็นเหตุให้อุตสาหกรรมน้ำตาลของเวียดนามได้รับความเสียหาย โดยการเรียกเก็บอากร AD และ CVD ส่งผลให้น้ำตาลไทยที่ส่งออกไปเวียดนามต้องเผชิญภาระอากรรวมกันในอัตราที่สูงถึง 47.64% (AD 42.99% และ CVD 4.65%) ซึ่งกรมฯ ได้เดินหน้าแก้ไขปัญหาดังกล่าว ร่วมกับผู้ส่งออก และยื่นขอทบทวนอัตราอากร มีหนังสือโต้แย้งร่างผลการทบทวน จนประสบผลสำเร็จในที่สุด
“กรมมั่นใจว่าการปรับลดอัตราอากร AD และ CVD สินค้าน้ำตาลจากไทยของเวียดนามในครั้งนี้ จะเป็นปัจจัยส่งเสริมการส่งออกน้ำตาล โดยไทยมีการส่งออกน้ำตาลไปเวียดนามในปี 2565 อยู่ที่ 114,000 ตัน และใน 6 เดือนของปี 2566 อยู่ที่ 38,000 ตัน แม้จะคิดเป็นเพียง 1% ของปริมาณส่งออกรวมของไทยในช่วงเวลาดังกล่าว แต่เวียดนามถือเป็นตลาดส่งออกน้ำตาลที่มีศักยภาพ โดยในปี 2563 ซึ่งเป็นปีก่อนที่จะมีการเรียกเก็บอากร AD และ CVD ปริมาณส่งออกน้ำตาลไปเวียดนามเคยไปแตะที่ระดับ 1.26 ล้านตัน คิดเป็น 23.59% ของปริมาณส่งออกรวมของไทย การที่กลุ่มน้ำตาลมิตรผลและกลุ่มไทยรุ่งเรืองได้รับการปรับลดอัตราอากร AD และ CVD ลงมาอย่างมีนัยสำคัญ ย่อมเพิ่มขีดความสามารถในการส่งออกของไทยในตลาดเวียดนาม และเป็นผลบวกต่อการส่งออกน้ำตาลในภาพรวม”นายรณรงค์กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากภาวะตึงตัวของอุปทานและการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันกลับมาใช้น้ำตาลซึ่งเป็นสารให้ความหวานตามธรรมชาติแทนสารแอสปาร์แตม ส่งผลให้ราคาน้ำตาลในตลาดโลกดีดตัวสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก หากแต่การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของอ้อย ทำให้ผลผลิตน้ำตาลออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ไม่เกิดภาวะขาดแคลนตามที่มีการคาดการณ์ไว้ ผู้ผลิตน้ำตาลต่างเร่งส่งออกเพื่อระบายน้ำตาลสู่ตลาด ทำให้ราคาน้ำตาลในตลาดโลกลดต่ำลง ในสถานการณ์ปัจจุบัน ผู้ส่งออกน้ำตาลของไทยเผชิญแรงกดดันด้านราคา การลดลงของภาระอากร AD และ CVD ย่อมช่วยบรรเทาความเสียเปรียบในการแข่งขันของน้ำตาลไทยในตลาดเวียดนาม จึงมั่นใจได้ว่าจะสามารถขยายปริมาณส่งออกน้ำตาลไปตลาดเวียดนามได้อย่างแน่นอน