xs
xsm
sm
md
lg

TSTH คงเป้ายอดขายเหล็ก 1.21 ล้านตัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ทาทา สตีลฯ คงเป้าปริมาณการขายเหล็กที่ 1.21 ล้านตัน แม้ว่าไตรมาส 1 ปีงบการเงิน 2567 อยู่ที่ 2.66 แสนตัน หวังการตั้งรัฐบาลใหม่ไม่ยืดเยื้อ เพื่อเร่งเบิกจ่ายงบประมาณกระตุ้นการใช้เหล็กภายในประเทศ

นายตารุน คูมาร์ ดากา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (TSTH) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเป้าหมายปริมาณการขายสินค้าเหล็กในปีการเงิน 2567 (เมษายน 2566-มีนาคม 2567) อยู่ที่ 1.21 ล้านตัน แม้ว่างวดไตรมาส 1 นี้ (เมษายน-มิถุนายน 2566) บริษัทมีปริมาณการขายสินค้าเหล็ก 266,000 ตัน ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนถึง 14% ก็ตาม โดยบริษัทฯ คาดหวังว่ายอดขายจะปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาสที่เหลือของปีนี้

โดยหวังว่าการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ไม่ยืดเยื้อและเร่งการใช้งบประมาณใหม่ในเดือนตุลาคมปีนี้ เพื่อใช้ในโครงการโครงสร้างพื้นฐานทั้งการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ฯลฯ ช่วยกระตุ้นการใช้เหล็กภายในประเทศ รวมทั้งการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวทำให้มีการก่อสร้างที่พักและโรงแรมรองรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นหนุนความต้องการใช้เหล็ก


โดยต้นปีนี้การบริโภคในอุตสาหกรรมเหล็กของประเทศไทยยังอยู่ในระดับต่ำ การชะลอการใช้งบประมาณในโครงการโครงสร้างพื้นฐานการนำเข้าเหล็กลวดราคาต่ำจากจีนมีปริมาณเพิ่มขึ้น การส่งออกลดลงได้ ส่งผลกระทบต่อการผลิตและจำหน่ายเหล็กในประเทศ

“ถึงแม้ว่าส่งออกจะลดลงอย่างมาก แต่บริษัทยังคงมองหาโอกาสในการส่งออก โดยได้รับใบรับรองหรือใบอนุญาตเพื่อเตรียมความพร้อมในการส่งออกไปยังกลุ่มตลาดเป้าหมาย ตลอดจนเพิ่มความหลากหลายในสินค้าสำหรับส่งออกที่ผลิตจากโรงงานต่างๆ ของบริษัท ในขณะเดียวกันบริษัทได้พัฒนาสินค้าเป็นการเฉพาะให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า รวมถึงสามารถส่งมอบสินค้าในเวลาที่สั้นเทียบกับเวลาในการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ลูกค้าสามารถลดสินค้าคงคลังและความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน”

นายตารุณกล่าวว่า บริษัทหวังว่าการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะเกิดขึ้นได้ตามไทม์ไลน์ที่กำหนดไว้ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้เพื่อให้เกิดการเบิกจ่ายงบประมาณ สร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดและภาคเอกชนกลับคืนมา โดยยอมรับว่าปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสที่ 1 ของปีการเงิน 2567 (เมษายน-มิถุนายน 2566) บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 6,202 ล้านบาท ลดลง 28.93% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 8,726 ล้านบาท และมีกำไรก่อนหักภาษีอยู่ที่ 48 ล้านบาท ลดลง 91.78% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรก่อนหักภาษีอยู่ที่ 584 ล้านบาท เกิดจากผลต่างของราคาขายสินค้าและราคาวัตถุดิบ (สเปรด) ที่ลดลงจากราคาขายสินค้าที่ลดลง พร้อมกับปริมาณการขายสินค้าที่ลดลงด้วยเช่นกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น