กลุ่มยานยนต์ ส.อ.ท.ปรับเป้าผลิตรถยนต์ปี 2566 จากเดิม 1.95 ล้านคันลดเหลือ 1.9 ล้านคัน โดยลดยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศลง 5 หมื่นคันจากเดิม 9 แสนคันเหลือ 8.5 แสนคันผลิตเพื่อส่งออกคงเดิมที่ 1.05 ล้านคัน สาเหตุหลักจากยอดขายในประเทศเริ่มลดจากสถาบันการเงินคุมเข้มปล่อยสินเชื่อ แถมรถ EV บูมเริ่มแย่งส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น จับตาครึ่งปีหลังหากมาแรงยังกระทบต่อเนื่อง
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธาน และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า กลุ่มอุตฯ ยานยนต์ ส.อ.ท.ได้ปรับเป้าหมายการผลิตรถยนต์ของไทยในปี 2566 ลดลง 50,000 คันจากเดิมวางเป้าหมายการผลิตรวมอยู่ที่ 1,950,000 คัน แบ่งเป็นการผลิตเพื่อการส่งออก 1,050,000 คัน ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 900,000 คัน ปรับเป็นการผลิตรวม 1,900,000 คันลดลงจากเป้าเดิม 2.56% แบ่งเป็นการผลิตเพื่อการส่งออกคงเดิม 1,050,000 คัน แต่ลดการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศลงเหลือเป็น 850,000 คัน หรือลดลง 5.56%
สำหรับสาเหตุหลักที่ปรับเป้าเนื่องจากยอดจำหน่ายในประเทศลดลงจากการเข้ามาของยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เริ่มเข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาดของรถยนต์ที่ใช้น้ำมันหรือสันดาปภายในมากกว่า 5% ซึ่งเป็นรถยนต์นำเข้าที่ยังไม่ได้ผลิตในประเทศและครึ่งปีหลังยังคงต้องติดตามใกล้ชิดหากมีการนำรถ EV ราคาต่ำมาทำตลาดเพิ่มอีกก็จะกระทบมากขึ้นตามลำดับ ขณะเดียวกันสถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อรถยนต์จากหนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 90.6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) การส่งออกของไทยที่ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ทำให้มีการลดกะการผลิตและลดการทำงานทำให้อำนาจซื้อลดลง ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงเป็นขาขึ้นและค่าครองชีพที่สูงประชาชนจึงระมัดระวังการใช้จ่าย
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณายอดการผลิตรถยนต์เดือน มิ.ย. 66 ล่าสุดมีทั้งสิ้น 145,557 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.78% รวม 6 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย. 66) ผลิตรถยนต์รวมทุกประเภทได้ 921,512 คันเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.91% โดยเป็นการจำหน่ายในประเทศ มิ.ย.66 อยู่ที่ 64,440 คัน ลดลง 5.16% ซึ่งเป็นการลดลงของรถกระบะ (Pure Pickup) และรถบรรทุกเพราะสถาบันการเงินเข้มงวดสินเชื่อและมีการนำรถบรรทุกจากเพื่อนบ้านมาทำตลาดเพิ่ม ส่งผลให้ 6 เดือน (ม.ค.-มิ.ย. 66) มียอดจำหน่ายในประเทศอยู่ที่ 406,131 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.95%
สำหรับการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป (CBU) เดือน มิ.ย. 66 อยู่ที่ 88,826 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 20.22% ส่งผลให้ 6 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย. 66) อยู่ที่ 528,816 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 17.61% รวมมูลค่าการส่งออก 6 เดือนแรกปีนี้ของกลุ่มรถยนต์อยู่ที่ 329,181 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 23.45%
นายสุรพงษ์ยังกล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลของไทยในปัจจุบันที่ล่าช้าว่า ยังไม่มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์อย่างมีนัยสำคัญ โดยยังเชื่อมั่นว่าการจัดตั้งรัฐบาลน่าจะแล้วเสร็จภายในสิงหาคมนี้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องติดตามคือ มาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า “มาตรการ EV3.5” ตามมติคณะกรรมการยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) ที่วางไว้ในการสนับสนุนโรงงานผลิตแบตเตอรี่ รวมถึงเงินสนับสนุน ฯลฯ ที่หากไม่ต่อเนื่องยอมรับว่าจะกระทบต่อการนำเข้า EV มาจำหน่ายในประเทศสะดุด รวมถึงความเชื่อมั่นต่อผู้ลงทุนผลิตในประเทศ
"ผมยังเชื่อมั่นว่ารัฐบาลใหม่จะยังคงสนับสนุนตามแนวทางที่บอร์ดอีวีวางไว้ ซึ่งขณะนี้ต้องยอมรับว่าคนไทยนิยมใช้รถ EV เพิ่มมากขึ้น โดยพบว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดเดือน มิ.ย. 66 มีทั้งสิ้น 8,260 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 54.74%" นายสุรพงษ์กล่าว