กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) นำคณะผู้แทนการค้าไทยเยือนบราซิล จัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ และเซ็น MOU ซื้อขายสินค้า ทำมูลค่ากว่า 79.4 ล้านบาท พร้อมแจกตรา Thai SELECT ร้านอาหารไทยอีก 4 ร้าน เผยยังได้เข้าหารือผู้ซื้อ ผู้นำเข้าทุกรายสนใจสั่งซื้อสินค้าไทยเพิ่ม และพร้อมจะมาชมและเจรจาการค้าในงานแสดงสินค้าที่ไทยด้วย
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 5-8 ก.ค. 2566 ที่ผ่านมากรมฯ ได้นำคณะผู้แทนภาคเอกชนไทย ในกลุ่มสินค้าชิ้นส่วนยานยนต์ อุปกรณ์และวัสดุก่อสร้าง และอาหารแปรรูป เดินทางเยือนประเทศบราซิล เพื่อขยายตลาดส่งออกสินค้าไทย ตามกลยุทธ์ในการบุกเจาะตลาดเป็นรายภูมิภาคและรายคลัสเตอร์ ที่กรมฯ ได้ดำเนินการร่วมกับภาคเอกชน ในการผลักดันการส่งออกสินค้าของไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้
ทั้งนี้ กรมฯ ได้ใช้โอกาสในการเดินทางไปบราซิลครั้งนี้ จัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ มีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 19 บริษัท และผู้นำเข้าบราซิล จำนวน 19 บริษัท ในกลุ่มสินค้าชิ้นส่วนยานยนต์ อุปกรณ์และวัสดุก่อสร้าง และอาหารแปรรูป ผลการเจรจาเกิดการจับคู่ธุรกิจ จำนวน 103 คู่ และได้มูลค่าการเจรจาการค้าในงาน จำนวน 145,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 5.2 ล้านบาท และคาดการณ์สั่งซื้อหนึ่งปี มูลค่า 1,603,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 57.7 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ได้จัดพิธีลงนามความร่วมมือด้านการค้า (MOU) ระหว่างผู้ส่งออกไทยกับผู้นำเข้าบราซิล จำนวน 2 คู่ ในกลุ่มสินค้าอาหาร รวมมูลค่า 460,000 เหรียญสหรัญ หรือประมาณ 16.5 ล้านบาท ได้แก่ บริษัท GOLDEN GRAIN ENTERPRISE COMPANY LIMITED กับ MERCEARIA E BOMBONIERE TOWA LTDA สินค้าข้าวหอมมะลิ มูลค่า 130,000 เหรียญสหรัฐ และ THAI SHING YE INTER-MARKETING COMPANY LIMITED กับ MERCEARIA E BOMBONIERE TOWA LTDA สินค้าข้าวหอมมะลิ น้ำปลา ลิ้นจี่กระป๋อง เส้นก๋วยเตี๋ยว และขนมขบเคี้ยว มูลค่า 330,000 เหรียญสหรัฐ รวมมูลค่าการค้าครั้งนี้กว่า 79.4 ล้านบาท
นอกจากนี้ กรมฯ ได้มอบประกาศนียบัตร Thai SELECT แก่ร้านอาหารไทยที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT จำนวน 4 ร้าน ได้แก่ ร้าน Thai Food สาขา Saude ร้าน Bangkok ร้าน Krapool Khao และร้าน GDM THAI ตามนโยบายส่งเสริมร้านอาหารไทยในต่างประเทศภายใต้โครงการครัวไทยสู่ครัวโลก ทำให้ปัจจุบันมีร้านอาหาร Thai SELECT ในบราซิลมีจำนวน 5 ร้าน
นายภูสิตกล่าวว่า กรมฯ ยังได้พบปะหารือกับผู้บริหาร บริษัท Mercearia e Bomboniere Towa Ltda ซึ่งเป็นเจ้าของซูเปอร์มาร์เกต TOWA ที่มีการนำเข้าสินค้าไทยเป็นสัดส่วน 30% ได้แก่ ซอสปรุงรส น้ำจิ้มไก่ ข้าวเหนียว ข้าวหอมมะลิ เครื่องแกง กะทิกระป๋อง เส้นก๋วยเตี๋ยว ขนมไทย รวมถึงแป้งข้าวเหนียวและแป้งข้าวเจ้า ซึ่งมีความสำคัญในการใช้เป็นวัตถุดิบหลักทำขนมโมจิที่ผู้บริโภคบราซิลนิยมบริโภคในชีวิตประจำวัน และเห็นว่าสินค้าของไทยมีคุณภาพดีกว่าของคู่แข่ง มีแผนขยายการนำเข้าสินค้าไทยหลากหลายมากขึ้น และสนับสนุนแนวทางของกรมในการสานต่อกิจกรรมการส่งเสริมภาพลักษณ์และวัฒนธรรมสินค้าอาหารและบริการร้านอาหารไทยจะช่วยสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันในระยะยาว และช่วยให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคในตลาดบราซิลที่มีความหลากหลาย ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน ยุโรป ได้เป็นอย่างดี โดยในปีนี้ทางบริษัทจะนำสินค้าไทยไปจัดแสดงในงานเทศกาลอาหารญี่ปุ่น Japanese festival และได้ขอบคุณกรมที่ได้ให้เป็นแขกพิเศษไปเข้าร่วมงาน Thaifex ทำให้ได้สร้างเครือข่ายพันธมิตรทางการค้าและมีแผนการตลาดที่จะนำเข้าสินค้าไทยในระยะยาว
สำหรับบริษัท SEIWA Exportacao Importacao Ltda. เห็นว่า Thai Cuisine มีแนวโน้มได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในบราซิล และบริษัทมีความสนใจอย่างมากที่จะนำเข้าสินค้าจากไทย ได้แก่ ซอสพริก น้ำจิ้มไก่ น้ำพริก สาหร่ายสำหรับใช้ทำซูชิ ภายในงานเจรจาจับคู่ธุรกิจทางบริษัทยังให้ความสนใจเส้นก๋วยเตี๋ยวในรูปแบบของ Plant Base ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่รักสุขภาพและกลุ่มที่มีการแพ้กลูเตน รวมถึงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสไก่ ต้มยำกุ้ง และรส Truffle ที่ยังไม่เคยมีในตลาดและสามารถทำตลาดอาหารเร่งด่วนระดับ Premium ได้ บริษัท UNIQUE TOYS COMERCIO เป็นตัวแทนจำหน่ายของเล่นไม้จากประเทศไทย ซึ่งสินค้าได้รับความสนใจในตลาดอย่างต่อเนื่อง จึงมีแผนที่จะเพิ่มความหลากหลายของสินค้าและนำเข้าจากไทยเพิ่มขึ้น ร้าน Casa Mart ซึ่งจำหน่ายสินค้าไทย ได้แก่ น้ำปลา ซอสพริก เครื่องปรุงรส พริกแกง กะทิกระป๋อง แป้งข้าวเหนียว ข้าวหอมมะลิ และเส้นก๋วยเตี๋ยว โดยร้านมีแผนขยายการนำเข้าสินค้าอาหารไทยเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับตลาดที่มีความต้องการสูงขึ้น
พร้อมกันนี้ กรมฯ ได้หารือกับหอการค้าเซาเปาโล (SPCC) เป็นองค์กรที่ส่งเสริมการนำเข้าและส่งออกสินค้าจากตลาดต่างประเทศ โดยหอการค้าเซาเปาโลได้เชื่อมโยงกับหอการค้าประจำรัฐอื่นๆ ในบราซิล ซึ่งสามารถเป็นกลไกในการเจาะตลาดรัฐที่สำคัญต่างๆ ให้กับกรมฯ ได้ โดยหอการค้าเซาเปาโลยังได้สนับสนุนการจัดงานเจรจาจับคู่ธุรกิจให้กับคณะนักธุรกิจไทยในครั้งนี้ด้วย และพร้อมที่จะช่วยประชาสัมพันธ์งานแสดงสินค้าของกรมฯ ให้กับสมาชิกได้รับทราบ รวมถึงการเสริมสร้างความร่วมมือกับกรมฯ และหารือแผนงานในการขยายตลาดระหว่างไทย-บราซิลต่อไป
ในปี 2565 มูลค่าการค้าไทย-บราซิล มีมูลค่ารวม 5,770.11 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกไปบราซิลมูลค่า 1,883.42 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าหลัก ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ยางพารา เป็นต้น