xs
xsm
sm
md
lg

ดัชนีค้าปลีกยังซึม ชง “รบ.ใหม่” แก้ปัญหา เร่งฟื้นเศรษฐกิจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การตลาด - สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ชี้ดัชนีค้าปลีกไตรมาส 2 ยังซึม ลดลงมาที่ 47 จุด กว่าค่าเฉลี่ยกลางที่ระดับ 50 จุดทุกองค์ประกอบครั้งแรกในรอบ 15 เดือน ชงรัฐบาลใหม่ เร่งบูสต์เศรษฐกิจ ด้วยมาตรการพุ่งเป้าตามกลุ่ม บรรดาบิ๊กค้าปลีกเร่งอัดแคมเปญและกิจกรรมกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย


สมาคมผู้ค้าปลีกไทย
ร่วมกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย
เผยผลสำรวจความเชื่อมั่น
(Retail
Sentiment Index - RSI)ของผู้ประกอบการค้าปลีกประจำไตรมาส
2
พบว่าลดลงมาที่
47
จุด

ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลางที่ระดับ
50
จุดทุกองค์ประกอบครั้งแรกในรอบ
15
เดือน
เหตุปัจจัยลบรุมเร้ารอบด้านทั้ง

ความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาล,ค่าครองชีพ-หนี้ครัวเรือนสูง,
เศรษฐกิจชะลอตัว,
มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐเดิมหมดลง,
ภาครัฐชะลอการเบิกจ่ายเพื่อรอรัฐบาลใหม่,
ช่วงโลว์ซีซั่นของการท่องเที่ยว

ขณะที่ดัชนี
RSI
ระยะ
3
เดือนข้างหน้า
(ก.ค.-ก.ย.66)
คาดว่าจะยังทรงตัว
เนื่องจากความไม่มั่นใจในสถานการณ์หลังจัดตั้งรัฐบาลและนโยบายเศรษฐกิจจากรัฐบาลชุดใหม่ที่อาจส่งผลให้ธุรกิจต้องมีการปรับตัวครั้งใหญ่

***
ดัชนีค้าปลีกไตรมาสสองน่าเป็นห่วง

นายฉัตรชัย
ตวงรัตนพันธ์ รองประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย
กล่าวว่า “ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่น
ผู้ค้าปลีกทั่วประเทศ
(Retail
Sentiment Index – RSI)ในภาพรวมพบว่า
ดัชนีRSI
(QoQ)ไตรมาสสอง
2566
เมื่อเทียบกับไตรมาสหนึ่ง
2566
มีความ
“น่ากังวล”
เนื่องจากปรับลดลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลางที่ระดับ
50
จุดทุกองค์ประกอบเป็น
ครั้งแรกในรอบ15
เดือน

ทั้งดัชนียอดขายสาขาเดิม
SSSG
(Same Store Sale Growth) QoQ ,ยอดใช้จ่ายต่อครั้ง
(Spending
Per Billหรือ
Per
Basket Size)และ
ความถี่ในการจับจ่าย(Frequency
on Shopping)สะท้อนถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคฐานรากยังอ่อนแอ
ภาระค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นทั้งค่าสาธารณูปโภค
ค่าโดยสาร
กดดันให้ผู้บริโภคมุ่งเน้นซื้อสินค้าที่จำเป็น
รวมทั้งยังไม่มีมาตรการใหม่จากรัฐในการกระตุ้นการจับจ่าย

การลดลงของดัชนีตามภูมิภาคต่างๆ
บ่งบอกถึงธุรกิจยังคงไม่ฟื้นตัว
แม้ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในช่วงครึ่งปีแรกราว
12.4
ล้านคนก็ตาม
ทั้งนี้หากจำแนกตามประเภทร้านค้า
พบว่าความเชื่อมั่นในปัจจุบันปรับลดลงในทุกประเภทร้านค้าโดยร้านค้าส่ง,
ไฮเปอร์มาร์เก็ตยังคงไม่ฟื้นตัว
ยกเว้นซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อ
เนื่องจากผู้บริโภคยังคงเลือกซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นรวมทั้งสินค้าที่มีการจัดโปรโมชั่น
เพื่อลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน


ทั้งนี้ได้เผยผลสำรวจเกี่ยวกับการฟื้นตัวของธุรกิจค้าปลีกของผู้ประกอบการ โดยสำรวจระหว่างวันที่19 – 26มิถุนายน 2566 ในประเด็นต่างๆ ดังนี้
  1. การปรับตัวของธุรกิจในกรณีที่มีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ
ร้อยละ 63 จ้างพนักงานชั่วคราวเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 61 เพิ่มทักษะและหน้าที่ของพนักงาน
ร้อยละ 59 ลดต้นทุนที่ไม่ใช่ค่าแรง
ร้อยละ 48 ขึ้นราคาสินค้า
ร้อยละ 22 ชะลอการลงทุน
ร้อยละ 22 ใช้เครื่องจักรทดแทนแรงงาน
ร้อยละ 15 ปรับสวัสดิการมารวมเป็นค่าจ้าง
ร้อยละ 13 เลิกจ้างพนักงานบางส่วน

  1. มาตรการสำหรับผู้ประกอบการในกรณีที่มีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ
ร้อยละ78 สนับสนุนมาตรการทางภาษี เช่น ลดภาษีนิติบุคคล หรือนำค่าใช้จ่ายมาลดหย่อนภาษีได้มากขึ้น
ร้อยละ 63 ทยอยปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นขั้นบันได
ร้อยละ 59 ลดค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ

  1. คาดการณ์การปรับราคาสินค้าใน 3 เดือนข้างหน้า
ร้อยละ 48 จะปรับราคาสินค้าแต่ไม่เกิน 5%
ร้อยละ 22 จะยังไม่ปรับราคาสินค้า
ร้อยละ 17 จะปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น 6-10 %
ร้อยละ 9 จะปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น 11-15 %

อย่างไรก็ตามภาพรวมค้าปลีกครึ่งปีแรกยังไม่สดใสเท่าที่ควร เนื่องจากภาคธุรกิจยังคงต้องเผชิญกับต้นทุนสูงจากทั้งค่าพลังงาน ค่าสาธารณูปโภค และอื่นๆ ขณะที่กำลังซื้อของผู้บริโภคยังอ่อนแอ


***จี้รัฐบาลใหม่ เร่งทำ3ประเด็นหลัก
ทางสมาคมฯ จึงขอนำเสนอ “ข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลใหม่ชุดใหม่” ในประเด็นต่างๆ ดังนี้
  1. สนับสนุนให้มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่โดยเร็วและราบรื่นเพื่อให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้า
  2. จัดสรรงบประมาณรายจ่ายภาครัฐ ด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เน้นไปแต่ละกลุ่มเป้าหมาย และไม่ซับซ้อน โดยเพิ่มกำลังซื้อให้กลุ่มฐานรากและเพิ่มการใช้จ่ายในกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง รวมทั้ง ลดขั้นตอนให้สามารถเข้าถึงได้สะดวก
  3. ส่งเสริมภาคท่องเที่ยวภายในประเทศเพื่อดึงดูดชาวต่างชาติและคนไทยท่องเที่ยวเมืองไทย เช่น การขยายเวลาVisa on Arrivalให้ต่างชาติพำนักในไทยได้นานขึ้น, การเพิ่มความถี่เที่ยวบินมาประเทศไทย รวมถึงมุ่งสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยเมื่อมาเที่ยวเมืองไทย เป็นต้น
“สมาคมผู้ค้าปลีกไทยขอส่งสัญญาณถึงรัฐบาลใหม่ชุดใหม่ที่มีความตั้งใจจะเข้ามาบริหารประเทศ ได้ออกนโนบายและมาตรการทางเศรษฐกิจที่จะมาพลิกฟื้นความเชื่อมั่นให้ผู้ประกอบการและกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคให้กลับมาคึกคัก โดยสมาคมฯ มีความพร้อมและมุ่งมั่นอย่างยิ่งที่จะร่วมมือกับทุกภาคส่วนอย่างมีเอกภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงเข้มแข็ง” นายฉัตรชัย กล่าว


***บิ๊กค้าปลีกเร่งอัดกิจกรรมกระตุ้นจับจ่าย
นายสเตฟาน จูเบิร์ท ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท โรบินสัน จำกัด(มหาชน) ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าว โรบินสันจับมือพันธมิตรแบรนด์และร้านค้าชั้นนำต่าง ๆ จัด ‘ROBINSON SALESATION #2’ขึ้นอีกครั้ง ในคอนเซ็ปต์ ‘รักสิ่งไหน เอาไปลดสิ่งนั้น” ซึ่งเรายังคงมอบความคุ้มค่าผ่านกิจกรรมแจกสติกเกอร์ส่วนลดสูงสุด 90% และเพิ่มความพิเศษด้วยการเพิ่มจำนวนการแจกสติกเกอร์ส่วนลด 20 - 90%และคูปองส่วนลดจากแบรนด์ชั้นนำและร้านค้าที่ร่วมรายการ รวมทั้งยังคงจัดเต็มกับ Lucky itemsและโปรโมชั่นสุดพิเศษตลอดแคมเปญฯ บนแพลทฟอร์มที่แข็งแกร่งของเราทั้งห้างฯ และออนไลน์

โดยได้วางแผนสื่อสารแคมเปญฯ นี้ผ่านการใช้ดารา อินฟลูเอนเซอร์ทั้งในและนอกองค์กรทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ เพื่อสร้างการรับรู้ จดจำแคมเปญฯ ทั้งในสื่อออฟไลน์ และออนไลน์ที่มีศักยภาพครอบคลุมและเข้าถึงกลุ่มครอบครัวลูกค้าห้างโรบินสันทั่วไทย จึงทำให้เรามั่นใจว่าแคมเปญฯ ในครั้งนี้จะมอบความคุ้มค่าและความสุขสนุกในการช้อปปิ้งที่มากขึ้น และได้รับการตอบรับที่ดีจากครอบครัวลูกค้าห้างโรบินสันไม่แพ้ครั้งที่ผ่านมาอย่างแน่นอน”

นายนพดล พลายระหาญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่าจากความสำเร็จของแคมเปญฯ ในไตรมาสแรกช่วงเดือน มี.ค. 66ที่ผ่านมาในห้างโรบินสันทุกสาขาทั่วประเทศ ที่มีจำนวนครอบครัวลูกค้าห้างโรบินสันที่เข้าร่วมกิจกรรมแจกสติกเกอร์ทั้งหน้าร้านและออนไลน์เพิ่มขึ้นถึง 60% โดยกลุ่มสินค้าที่ได้รับความนิยม คือ สินค้าแฟชั่นสตรี, สินค้านาฬิกาและเครื่องประดับ, สินค้า YOUNG FASHIONและแฟชั่นผู้ชาย ตามลำดับ ซึ่งส่งผลให้ยอดขายของแคมเปญฯ เติบโตราว23% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสแรกของปี 65 เราจึงเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จสร้างปรากฏการณ์ความคุ้มแบบต่อเนื่องกับแคมเปญ ‘ROBINSON SALESATION #2รักสิ่งไหนเอาไปลดสิ่งนั้น’ คาดว่าแคมเปญฯ จะมีความคึกคัก และช่วยกระตุ้นการจับจ่ายของครอบครัวลูกค้าห้างโรบินสันและในเศรษฐกิจภาพรวมได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเราประเมินว่าแคมเปญฯ จะช่วยดันยอดขายเดือนแรกของครึ่งปีหลังโตราว 15% และมีทราฟฟิกเพิ่มขึ้นราว 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 65


นางสาวรวิศรา จิราธิวัฒน์ ประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เผยว่า “ตลาดรีเทลไม่เคยเหมือนเดิม การจะครองตำแหน่งผู้นำต่อไปได้ต้องรู้จักเรียนรู้และปรับตัวตามพฤติกรรมลูกค้า ห้างเซ็นทรัลในฐานะช้อปปิ้งเดสติเนชันของเมืองไทย เราให้ความสำคัญกับการสร้าง ‘The Best Customer Experience’ที่น่าตื่นเต้นกับลูกค้ามาทุกยุคทุกสมัย ล่าสุดกับ “Central Midnight Sale”คอนเซ็ปต์ใหม่ “Listen to No One Else #เซลของคนจะได้ของ” ระหว่างวันที่29 มิ.ย. 66 - 12ก.ค. 66 รอบนี้เราเล่าเรื่องผ่านอินเนอร์ของลูกค้า ชวนทุกคนทำตามเสียงหัวใจตัวเอง มอบของขวัญให้กำลังใจตนเองในช่วงกลางปี จังหวะนี้เป็นไทม์มิ่งการช้อปที่ดีที่สุดเพราะมีดีลให้เลือกเยอะ เราเชื่อว่าแคมเปญนี้จะร่วมขับเคลื่อนค้าปลีกไทยในช่วงมิดเยียร์ให้คึกคักกว่าเดิม และดันยอดขายQ3 บวกขึ้นตามเป้าหมาย”

โปรโมชันและกิจกรรมไฮไลท์ เช่น สินค้าแบรนด์ชั้นนำจากทุกแผนกสินค้าเฉพาะรุ่นลดสูงสุด 70% คอลเลกชันใหม่ลดสูงสุด 30%, กิจกรรมพิเศษเอาใจขาช้อป สนุกกับเกมMidnight Popกดดีลป๊อป ช้อปรัว ๆ ลุ้นรับบัตรของขวัญจากห้างเซ็นทรัล สำหรับผู้ร่วมเล่นเกมที่ได้คะแนนสูงสุด 50 ท่านแรก และรับฟรีคูปองส่วนลดมูลค่ารวม 200 บาท, รับสิทธิพิเศษเหนือระดับสำหรับลูกค้ากลุ่ม VIP, The 1 Exclusiveและทรูแบล็ค ช้อปสินค้าพร้อมเอ็นจอยโปรโมชันพิเศษ Central Midnight Saleก่อนใคร ตามเงื่อนไข, กิจกรรมกับสองหนุ่มคู่จิ้นสุดฮอต “ฟอส-บุ๊ค” ที่ควงคู่กันมาไลฟ์ในTikTok ผ่านช่อง Central Department Storeวันที่ 29 มิ.ย. นี้ เวลา21.00 น. (ทุกอย่างตามเงื่อนไข)

พร้อมกันที่ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา และช้อปต่อเนื่อง24/7 ทางช่องทางออนไลน์ผ่าน Central Appและทุกช่องทางช้อปปิ้งสุดสะดวกของห้างฯ ทั้งwww.central.co.th ช้อปผ่านไลน์กับ Central Chat & Shopหรือโทรช้อปกับ Central Personal Shopper On Demandโทร.1425 หรือช้อปผ่านโซเชียลคอมเมิร์ซที่เฟซบุ๊กไลฟ์และอินบ็อกซ์ของห้างเซ็นทรัล

ทางด้านไอซีเอสLifestyle Complexแห่งใหม่ย่านฝั่งธนบุรีจัดแคมเปญแคมเปญ“GOLD LINE REWARDS” รับสิทธิพิเศษง่ายๆ เดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีทอง มาลงที่สถานีเจริญนคร ตั้งแต่วันนี้– 31ก.ค. 2566(เฉพาะวันจันทร์–ศุกร์ เวลา15.00 – 20.00น. ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) พร้อมแสดงบัตรโดยสาร และบัตรประชาชนตัวจริง รับทันทีคูปองส่วนลดจาก Lotus's Privé มูลค่า100บาท(สำหรับใช้ครั้งต่อไปขั้นต่ำ300บาท/ใบเสร็จ)จำกัดสิทธิ์การรับสำหรับลูกค้า1ท่าน /1สิทธิ์ / ต่อวัน,จำกัดการแจก100สิทธิ์ / วัน, รวม2,000รางวัลตลอดรายการ คูปองหมดเขตการใช้งาน15ส.ค. 2566




กำลังโหลดความคิดเห็น