กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) แนะค้าปลีกไทยปรับตัวเจาะตลาดเวียดนามหลังตลาดมีแนวโน้มเติบโตสูงมาก คาดปี 68 ยอดค้าปลีกจะสูงถึง 3.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เผยควรปรับรูปแบบการลงทุนร้านค้าแบบเครือข่าย ซูเปอร์มาร์เกต และใช้ช่องทางออนไลน์เจาะกลุ่มผู้บริโภควัยหนุ่มสาว
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า กรมฯ ได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ ทำการสำรวจลู่ทางและโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ และให้รายงานผลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้รับรายงานจาก น.ส.สุภาพร สุขมาก ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ถึงโอกาสในการขยายตลาดการค้าปลีกของไทยเข้าสู่ตลาดเวียดนาม และการใช้ประโยชน์จากช่องทางออนไลน์ในการขยายโอกาสทางการขายเจาะเข้าสู่กลุ่มผู้บริโภคของเวียดนามที่มีแนวโน้มเติบโต
ทั้งนี้ ทูตพาณิชย์ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เวียดนามเป็นตลาดค้าปลีกที่มีศักยภาพสูงและคาดว่าจะเติบโตมากกว่า 350,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2568 และจะมีสัดส่วนร้อยละ 59 ของยอดขายผลิตภัณฑ์ในประเทศทั้งหมด ทำให้บริษัทต่างชาติที่ลงทุนในเวียดนาม ผู้ประกอบการค้าปลีกในประเทศต่างปรับเครือข่ายการจัดจำหน่ายสินค้าในประเทศและปรับปรุงเพื่อการส่งออก รวมทั้งมีการลงทุนในอีคอมเมิร์ซเพื่อรองรับการขยายตัวของกลุ่มผู้บริโภควัยหนุ่มสาวที่มีกว่าร้อยละ 50 ของประชากรประมาณ 100 ล้านคน
นายภูสิตกล่าวว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการการค้าปลีกในเวียดนามได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการค้าจากแบบดั้งเดิมไปสู่รูปแบบสมัยใหม่ โดยเฉพาะการลงทุนในร้านค้าแบบเครือข่ายและซูเปอร์มาร์เกต และความร่วมมือเพื่อพัฒนารูปแบบการค้าปลีกใหม่ๆ เช่น ออนไลน์เพื่อสร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยต่อผู้ประกอบการค้าปลีก และเพิ่มโอกาสในการจำหน่ายสินค้า โดยผู้ประกอบการค้าปลีกไทยที่เข้าไปลงทุนในเวียดนามต้องปรับตัวทั้งการปรับรูปแบบการค้า และการมุ่งพัฒนาการผลิตที่สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมุ่งสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนและฉลากเขียวจะทำให้มีโอกาสในการเติบโตในตลาดเวียดนามเพิ่มขึ้น
สำหรับการขายผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซผู้ประกอบการไทยควรให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน เพราะการค้าออนไลน์เป็นเทรนด์ที่มาแรงในเวียดนามโดยเฉพาะการขายผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ได้แก่ Facebook Live และ Tiktok เป็นการเพิ่มช่องทางการกระจายสินค้าเข้าถึงผู้บริโภคเวียดนามได้มากยิ่งขึ้น ช่องทางอีคอมเมิร์ศจึงเป็นช่องทางที่น่าสนใจของผู้ประกอบการที่ต้องการขยายการค้ามายังตลาดเวียดนาม เนื่องจากต้นทุนที่ต่ำกว่าการเปิดหน้าร้านและสามารถเข้าถึงผู้บริโภคเป้าหมายได้ดี แต่รัฐบาลมีการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้าออนไลน์ ผู้ประกอบการที่ต้องการเข้ามาทำตลาดในรูปแบบออนไลน์ในเวียดนามควรศึกษากฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการค้าออนไลน์ของเวียดนามด้วย
ทางด้านกิจกรรมของกรมฯ ที่จะเกิดขึ้นในประเทศเวียดนาม ได้แก่ โครงการส่งเสริมการขายสินค้าไทยร่วมกับห้างค้าปลีกในประเทศเวียดนามร่วมกับห้างสรรพสินค้า Go! และ Tops Market ระหว่างวันที่ 1-14 ส.ค. 2566 และสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโฮจิมินห์ ร่วมบรรยายในหลักสูตร ITP รุ่นที่ 5 Sustainable Growth for Exporter ส่งเสริมส่งออก SMEs ไทย เติบโตอย่างยั่งยืน ร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ความสามารถ และวิสัยทัศน์ ให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ที่ประกอบธุรกิจส่งออกให้มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น โดยผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร. 1169