เอกชนเตือนปรากฏการณ์ “เอลนีโญ” ทำผลผลิตสินค้าเกษตรไทยเสียหาย แม้ราคาพุ่ง แต่ไม่ได้ประโยชน์ เหตุไม่มีของขาย จี้รัฐเตรียมหามาตรการรับมือ
นายพีรโชติ จรัญวงศ์ นายกสมาคมการค้าอินทรีย์ไทย และกรรมการผู้จัดการบริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารเมอริท จำกัด เปิดเผยว่า ปัญหาภัยแล้งจากปรากฏการณ์เอลนีโญจะทำให้ผลผลิตทางการเกษตรของไทยลดลง และตามสถิติของไทย หากเกิดเอลนีโญก็จะเกิดขึ้นต่อเนื่อง 2-3 ปี จึงคาดว่าไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะเผชิญกับเอลนีโญราว 3 ปีเช่นกัน ดังนั้น เกษตรกร โดยเฉพาะนอกเขตชลประทาน ควรเตรียมตัวรับมือกับภัยแล้งที่อาจรุนแรงและยาวนาน โดยหาแหล่งกักเก็บน้ำ และปรับแผนบริหารจัดการน้ำในแปลงเกษตรให้เหมาะสมกับสถานการณ์ หรือเปลี่ยนมาปลูกพืชที่ทนแล้ง และใช้น้ำน้อย ขณะที่ภาครัฐต้องเตรียมหามาตรการรับมือด้วย
“ภาพรวมผลผลิตทางการเกษตรของไทยน่าจะลดลง โดยเฉพาะข้าวนาปี ที่ต้องอาศัยน้ำฝน ทำให้ราคาจะเพิ่มขึ้น เพราะสินค้าหายไปจากตลาด ส่วนราคามะพร้าวก็น่าจะเพิ่มขึ้น อย่างช่วงเอลนีโญครั้งก่อน ราคามะพร้าวเคยขายได้กิโลกรัม (กก.) ละ 10 บาท ก็เพิ่มเป็น 50 บาท แต่ของไม่มีจะขาย ภาครัฐจึงต้องเร่งหามาตรการรองรับ เพื่อให้เกษตรกรมีผลผลิตขายในช่วงราคาดีท่ามกลางปรากฏการณ์เอลนีโญ”
ทั้งนี้ มองว่าการเตรียมแหล่งน้ำไว้มากๆ ในภาคเกษตร ไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องในปรากฏการณ์เอลนีโญ เพราะปรากฏการณ์นี้เป็นเรื่องของความแห้งแล้งจากสภาพอากาศร้อนรุนแรง ดังนั้น แหล่งกักเก็บน้ำจะระเหยหมดไปในเวลาไม่นาน และอากาศที่ร้อนก็จะยิ่งทำให้พืชต้องการน้ำมากขึ้น อีกทั้งสภาพอากาศร้อนรุนแรง ทำให้ฝนทิ้งช่วง การเพิ่มน้ำจากปริมาณฝนเป็นไปได้ยาก