xs
xsm
sm
md
lg

“คมนาคม”ลุยอุดช่องทุจริต"ส่วยสติกเกอร์" สั่ง ทล.-ทช.จัดหากล้องติดตัวจนท."ด่านเคลื่อนที่"-เร่งเชื่อม GPS รถบรรทุกจาก ขบ.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“คมนาคม” สอบส่วยสติกเกอร์ สั่งทล.-ทช.เร่งจัดหากล้อง (Body Camera) ติดตามตัวด่านเคลื่อนที่อุดช่องโหว่ทุจริต คาดใช้งบเหลือจ่ายเร่งจัดหา ส่วนด่านถาวรใช้เทคโนโลยีเกือบหมดทุจริตยาก เร่งประสาน ขบ.เชื่อมระบบ GPS รถบรรทุกเพิ่มศักยภาพตรวจจับกรณีฝ่าด่าน นัดประชุมอีก 20 มิ.ย.

นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคม หัวหน้ากลุ่มภารกิจการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านทางหลวง เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการติดสินบนเจ้าหน้าที่โดยการติดสติกเกอร์บนรถบรรทุก ครั้งที่ 2 วันที่ 9 มิ.ย. 2566 ว่า ที่ประชุมได้รับทราบรายงาน ของคณะทำงานฯ ที่มีนายมนตรี เดชาสกุลสม ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน ที่ได้รวบรวมข้อมูลและได้นำคณะสื่อมวลชน ลงพื้นที่สถานีตรวจสอบน้ำหนักอยุธยา (ขาเข้า) ทางหลวงหมายเลข 347 ของกรมทางหลวง (ทล.) ร่วมตรวจสอบการทำงาน การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ประจำสถานี และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เห็นและเข้าใจการทำงานของด่านชั่งน้ำหนักถาวร ที่ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์เกือบทั้งหมด และมีโอกาสที่จะเกิดการทุจริตค่อนข้างน้อยมาก

ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ตรวจสอบกระบวนการที่เกี่ยวข้องและมีโอกาสที่จะเกิดการทุจริตได้ พบว่าจุดที่มีคนเข้าไปเกี่ยวข้องหรือตัดสินใจมีโอกาสในการเกิดทุจริตได้ ดังนั้นจึงให้ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ดำเนินการให้มากที่สุด เพื่อลดการใช้คนเข้าไปเกี่ยวข้อง จะเป็นการลดโอกาสเกิดการทุจริตลงไป ซึ่งปัจจุบันด่านชั่งน้ำหนักถาวร คือสถานีตรวจสอบน้ำหนัก (Static) ซึ่งอยู่บนถนนสายหลัก ใช้เทคโนโลยีเข้ามาดำเนินการเกือบทั้งหมด มีคนเข้าไปเกี่ยวข้องน้อย ลดโอกาสในการทุจริต แต่หน่วยชั่งน้ำหนักเคลื่อนที่ (Spot Check) ซึ่งเป็นด่านเคลื่อนที่ตามถนนสายรองที่รถบรรทุกมักจะวิ่งเพื่อหลีกเลี่ยงด่านชั่งน้ำหนักถาวรบนถนนสายหลัก แต่ Spot Check ยังไม่มีระบบอิเล็กทรอนิกส์ ใช้คนในการพิจารณา จึงยังมีโอกาสที่ทำให้เกิดการทุจริตได้

นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคม หัวหน้ากลุ่มภารกิจการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านทางหลวง
ดังนั้น ที่ประชุมจึงมอบหมายให้กรมทางหลวง (ทล.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) พิจารณาทบทวนกระบวนการทำงานของด่านเคลื่อนที่ (Spot Check) เพื่อให้มีความโปร่งใสและลดโอกาสเกิดทุจริตลง โดยให้พิจารณาเพิ่มอุปกรณ์ คือ กล้องติดตัวเจ้าหน้าที่ (Body Camera) เพื่อบันทึกความเคลื่อนไหวระหว่างการปฏิบัติงานจับกุมของภาครัฐ ซึ่งสอดคล้องกับพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 (พ.ร.บ.อุ้มหายฯ) และในระยะยาวกรมทางหลวง มีแนวคิดในการเชื่อมสัญญาณ Body Camera ออนไลน์เข้าสู่ส่วนกลางแบบเรียลไทม์ เพื่อเป็นการควบคุมอีกชั้น แต่ทั้งนี้ มีข้อจำกัดด้านงบประมาณ ซึ่งกรมทางหลวงคาดว่าจะใช้เงินจากการจับกุมและทางหลวงชนบทจะใช้งบเหลือจ่ายซึ่งให้ทั้ง 2 หน่วยงานไปวางแผนเร่งรัดการจัดหาเพื่อให้ได้เริ่มใช้ภายในปีนี้

นอกจากนี้ ในส่วนบุคลากร กรมทางหลวงได้ตั้งคณะทำงานตรวจสอบ โดยมีการประสานข้อมูล กับสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ว่ามีข้อมูลบุคลากรของกรมทางหลวง ที่เข้าข่าย หรือมีส่วนร่วมกับกระบวนการส่วยสติกเกอร์อย่างไรบ้าง และให้นำข้อมูลมาสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป โดยแผนการดำเนินงานทั้งการจัดหา Body Camera และด้านบุคลากร ให้นำรายงานต่อคณะกรรมการฯ ซึ่งจะประชุมอีกครั้งในวันที่ 20 มิ.ย. 2566


“ในระหว่างนี้ไม่ได้ต้องการให้ด่านเคลื่อนที่ (Spot Check) หยุดการทำงานไปเลย เพราะจะกลายเป็นช่องว่างให้รถบรรทุกน้ำหนักเกินเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะบนถนนสายรอง ดังนั้น ในระหว่างนี้หน่วยงานจะต้องเพิ่มกระบวนการตรวจสอบการทำงานเพื่อให้มีความโปร่งใส อย่างไรก็ตาม กรณีเจ้าหน้าที่กระทำผิดและสอบสวนได้ผลที่สุด จะมีบทลงโทษทางวินัย ตั้งแต่ ภาคทัณฑ์, ตัดเงินเดือน ลดเงินเดือน, ปลดออก, ไล่ออก ตามลำดับ ซึ่งไม่รวมส่วนโทษทางแพ่งและอาญา ซึ่งจะพิจารณาเป็นกรณีไป”

@เร่งประสาน ขบ.เชื่อมระบบ GPS รถบรรทุกเพิ่มศักยภาพตรวจจับ

ผู้สื่อข่าวสอบถาม การเชื่อมต่อข้อมูลระบบ GPS รถบรรทุก กับกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามรถบรรทุกที่หลบเลี่ยงไม่เข้าด้านชั่งน้ำหนัก มีความเป็นไปได้หรือไม่ นายพิศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันยังไม่มีการเชื่อมข้อมูล GPS รถบรรทุกระหว่าง กรมการขนส่งทางบก กับกรมทางหลวง ซึ่งแม้จะไม่เกี่ยวกับการตรวจสอบทุจริตครั้งนี้ แต่เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งที่ผ่านมากรมการขนส่งฯ อาจจะยังติดขัดปัญหา ทำให้ยังไม่สามารถเชื่อมข้อมูลกันได้ แต่จะประสานเร่งรัดให้ดำเนินการต่อไป

นายจิระพงศ์ เทพพิทักษ์ รองอธิบดีกรมทางหลวง (ทล.)
นายจิระพงศ์ เทพพิทักษ์ รองอธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า ทล.มีด่านชั่งถาวร หรือสถานีตรวจสอบน้ำหนัก 97 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งในแต่ละด่านจะมีหน่วยเคลื่อนที่ (Spot Check) 1 ชุด ที่จะทำหน้าที่ออกไปตรวจ กรณีที่ได้รับแจ้งหรือมีข้อมูล มีรถบรรทุกน้ำหนักเกินหลบเลี่ยงด่าน ขณะที่ในส่วนกลางมีหน่วย Spot Check อีก 12 ชุด เพื่อตรวจสอบซ้ำ (cross check) อีกชั้น และมีการหมุนเวียนเจ้าหน้าที่ทำงานในแต่ละภารกิจจะใช้ระบบสุ่ม (random) เจ้าหน้าที่ในการออกตรวจสอบตามภารกิจหรือเรื่องที่ได้รับร้องเรียน

ขณะนี้อธิบดีกรมทางหลวงได้แต่งตั้งคณะทำงาน 2 ชุด คือ 1. ตรวจสอบด้านบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะเชิญผู้เกี่ยวข้องทั้งภาคเอกชน และเจ้าหน้าที่ตามรายชื่อที่มีร้องเรียนมาสอบสวนข้อเท็จจริง 2. คณะทำงานด้านประสิทธิภาพด่านชั่งน้ำหนักที่เน้นใช้เทคโนโลยีดำเนินการทุกขั้นตอนและลดการใช้คนตัดสินใจ ส่วนหน่วย Spot Check จะเร่งรัดจัดหา Body Camera เบื้องต้นจะพิจารณางบเหลือจ่าย เร่งดำเนินการ ซึ่งจะทำแผนจัดหาเป็นระยะเร่งด่วนเสนอคณะกรรมการฯ ต่อไป รวมถึงการทำเป็นระบบออนไลน์เชื่อมภาพเข้าส่วนกลางแบบเรียลไทม์ด้วย


ส่วนแผนระยะยาว มีทั้งแนวทางการเชื่อมต่อข้อมูลระบบ GPS รถบรรทุก กับกรมการขนส่งทางบก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตาม และการจับกุมรถบรรทุกที่หลบเลี่ยงหรือฝ่าด่าน ซึ่งกรณีรถน้ำหนักเกินที่ด่านชั่งน้ำหนักถาวร (Static) สามารถดำเนินการจับกุมได้ตามกฎหมาย แต่จะมีกรณีรถน้ำหนักเกินจากการตรวจของระบบ WIM ก่อนถึงด่านถาวรประมาณ 1 กม. จะมีเซ็นเซอร์ติดตั้งไว้บนพื้นถนน จับน้ำหนักขณะรถวิ่งผ่าน ซึ่งเมื่อรถบรรทุกน้ำหนักเกินแต่ไม่เข้าด่านชั่งถาวร หรือฝ่าด่าน ตรงนี้ยังไม่มีกฎหมายรองรับ การมีระบบ GPS จะช่วยได้มาก

จากสถิติสัดส่วนการจับรถน้ำหนักเกินที่ด่านชั่งน้ำหนักถาวร คือ 40% ติดตามจับนอกด่าน ด้วยหน่วย Spot Check 60% สำหรับเงินค่าปรับน้ำหนักเกิน เฉลี่ยประมาณ 10 ล้านบาทต่อปี โดยแบ่งรายได้ เข้าแผ่นดิน 20%, ค่าใช้จ่ายดำเนินงาน 20% (ทล.นำมาใช้ในการจัดซื้ออุปกรณ์สำหรับใช้งานประจำด่าน เช่น เสื้อกั๊กจราจร กรวยจราจร กระบอกไฟจราจร เป็นต้น), เงินสินบนรางวัล 60% (สำหรับเจ้าหน้าที่ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือผู้แจ้งเบาะแส)

ส่วนกรมทางหลวงชนบท ด่านชั่งน้ำหนักถาวร 5 แห่ง ได้แก่ สาย นย. 3001 จ.นครนายก, สาย ฉช.3001 จ.ฉะเชิงเทรา, สาย นบ.3021 (ถนนราชพฤกษ์) จ.นนททบุรี, สาย ชม.3035 จ.เชียงใหม่, สาย สค.2055 จ.สมุทรสาคร มีหน่วยตรวจสอบน้ำหนักเคลื่อนที่ (Spot Check) 95 ชุด หรือประจำทุกแขวงทางหลวงชนบททั่วประเทศ และมีชุดเฉพาะกิจจากส่วนกลางออกตรวจสอบการทำงานของแต่ละจังหวัดด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น