“อัจฉริยะ” ร้อง ปปป.ตรวจสอบ อดีตผู้บังคับการตำรวจทางหลวง อมเบี้ยเลี้ยงลูกน้อง อ้างเบิกจ่ายเงินได้ล่าช้า
วันนี้ (7 มิ.ย.) ที่ ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. รักษาราชการ ผบก.ทล. เพื่อร้องขอให้ตรวจสอบ อดีต ผบก.ทล.ท่านหนึ่ง กรณีที่ผู้ใต้บังคับบัญชาร้องเรียนเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงที่อาจส่อเจตนาไม่สุจริต
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ได้รับข้อมูลมาว่ามีการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงที่ไม่ปกติหลายโครงการ ทำให้ตำรวจทางหลวงทั่วประเทศหลายคนไม่ได้รับเงินจำนวนมาก โดยอ้างว่า เบิกจ่ายเงินได้ล่าช้า นอกจากนั้น ยังอยากเรียกร้องให้มีการตรวจสอบเรื่องส่วยสติกเกอร์ให้รอบด้าน และดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด แต่อยากให้มีการผ่อนปรนกับผู้ประกอบการรถบรรทุกเกินได้ 1-2 ตัน เพื่อป้องกันการเสนอผลประโยชน์
นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่า สมาพันธ์ และสมาคมรถบรรทุก เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการขายสติกเกอร์ แล้วเก็บเงินส่งให้ตำรวจ แต่เมื่อเห็นว่ามีผลประโยชน์เยอะ จึงตัดออกมาทำเอง ทำให้เกิดความขัดแย้ง จนนำไปสู่การร้องเรียนให้ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ขณะเดียวกัน ยังอยากเรียกร้องให้ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล และประธานสมาพันธ์รถบรรทุก มาแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกระทำผิด หรือผู้ที่ขายสติกเกอร์ 46 รูปแบบ ที่กล่าวถึง เพื่อที่จะได้รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ และเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจที่กล้าแจ้งความดำเนินคดีกับคนที่กระทำผิด
นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา ตราชั่งวัดน้ำหนักรถบรรทุกหลายๆ ด่านตรวจ โดยเฉพาะตั้งแต่จังหวัดสมุทรสาคร ถึงอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ถ้ามีสติกเกอร์ติดหน้ารถจะไม่ต้องตรวจวัดน้ำหนัก แต่หากไม่ติดก็จะถูกตรวจวัดและน้ำหนักมักจะเกินกว่าที่ได้บรรทุกมา บางคันเกินเพราะผู้โดยสารที่นั่งมาด้วยก็จะถูกดำเนินคดี ส่งฟ้องอัยการให้มีคำสั่งยึดรถ หากไม่อยากให้ถูกยึดรถก็จะต้องวิ่งเต้นคดี ทำให้เห็นว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐหลายหน่วยงานเข้ามาเกี่ยวข้องกับการรับส่วย โดยเฉพาะกรมทางหลวงที่เป็นเจ้าของด่านชั่งน้ำหนัก ต้องไปตรวจสอบว่าเครื่องชั่งได้มาตรฐานหรือไม่
นายอัจฉริยะ กล่าวด้วยว่า สำหรับตำรวจทางหลวงที่เกี่ยวข้องกระทำความผิด เชื่อว่า มีมากกว่า 10 นาย แต่ยังอยากให้ตรวจสอบไปถึงชุดเฉพาะกิจของกรมทางหลวง 12 ชุด หรือที่เรียกกันว่า “ชุดเฉพาะเก็บ” ว่าเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ นอกจากนั้น ยังเห็นว่า ควรตรวจสอบทั้ง 4 หน่วยงาน คือ กรมทางหลวง กรมการขนส่งทางบก จราจรกลาง และตำรวจทางหลวง เพราะหน่วยงานเหล่านี้รับผิดชอบตั้งแต่การตรวจสภาพเสริมแหนบรถ ก่อนจะบรรทุกน้ำหนักเกินได้ จนไปถึงการตรวจควันดำ หากจะตรวจสอบเฉพาะตำรวจทางหลวงเห็นว่าไม่มีความเป็นธรรม ส่วนการออกมาเปิดเผยว่าจะย้ายตำรวจทางหลวงให้มาช่วยราชการก่อน ก็คาดว่าจะทำได้เฉพาะตำรวจชั้นผู้น้อย ยังไม่สามารถดำเนินคดีกับตำรวจในระดับสั่งการได้