กรมการค้าต่างประเทศเผยสถิติการใช้สิทธิประโยชน์จากความตกลง FTA จำนวน 12 ฉบับ เดือน ม.ค. 66 มีมูลค่า 5,399.38 ล้านเหรียญสหรัฐ ลด 16.13% คิดเป็นสัดส่วนการใช้สิทธิ 71.79% อาเซียนนำโด่งใช้สิทธิสูงสุด ตามด้วยอาเซียน-จีน ไทย-ออสเตรเลีย ไทย-ญี่ปุ่น และอาเซียน-อินเดีย ส่วน RCEP ใช้สิทธิเพิ่ม 1,039%
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าสำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ในเดือน ม.ค. 2566 จำนวน 12 ฉบับ จากที่มีอยู่ 14 ฉบับ มีมูลค่ารวม คิดเป็นสัดส่วนการใช้สิทธิ 71.79% ของมูลค่าการส่งออก 7,521.22 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยอีก 2 ฉบับที่ไม่ได้มีการเก็บสถิติ คือ ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง ที่ภาษีนำเข้าเป็นศูนย์ในทุกรายการสินค้า และความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ไทย-นิวซีแลนด์ (TNZCEP) ที่ใช้ระบบการรับรองตนเองของผู้ส่งออก (self-declaration)
สำหรับความตกลง FTA ที่มีมูลค่าการใช้สิทธิสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน มูลค่า 2,081.46 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนการใช้สิทธิ 68.74% ส่วนใหญ่เป็นการใช้สิทธิส่งออกไปอินโดนีเซียสูงสุด มูลค่า 618.32 ล้านเหรียญสหรัฐ มาเลเซีย มูลค่า 508.66 ล้านเหรียญสหรัฐ เวียดนาม มูลค่า 428.99 ล้านเหรียญสหรัฐ และฟิลิปปินส์ มูลค่า 317.12 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิสูง และมีการขยายตัวของการใช้สิทธิ เช่น ยานยนต์สำหรับขนส่งของ (น้ำหนักไม่เกิน 5 ตัน) น้ำตาล รถยนต์เพื่อขนส่งบุคคล (1,500-3,000 ซีซี) และน้ำมันปิโตรเลียมและน้ำมันจากแร่บิทูมินัสอื่นๆ เป็นต้น
อันดับ 2 ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) มูลค่า 1,208.83 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนการใช้สิทธิ 78.53% โดยสินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิสูง และมีการขยายตัวของการใช้สิทธิ เช่น มันสำปะหลัง ผลิตภัณฑ์ยางสังเคราะห์ผสมยางธรรมชาติ ทุเรียนสด ผลไม้สดอื่นๆ เช่น ลำไย ลิ้นจี่ เงาะ และสตาร์ชทำจากมันสำปะหลัง เป็นต้น
อันดับ 3 ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) มูลค่า 487.23 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนการใช้สิทธิ 72.97% โดยสินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิสูง และมีการขยายตัวของการใช้สิทธิ เช่น รถยนต์และยานยนต์อื่นๆ (ที่มีเครื่องดีเซล หรือกึ่งดีเซล) รถยนต์ขนส่งบุคคลขนาด 2,500 ซีซีขึ้นไป และขนาด 1,000-1,500 ซีซี ส่วนประกอบของเครื่องปรับอากาศ และปลาทูน่าปรุงแต่ง เป็นต้น
อันดับ 4 ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) มูลค่า 487.12 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนการใช้สิทธิ 75.05% สินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิสูง และมีการขยายตัวของการใช้สิทธิ เช่น เนื้อไก่และเครื่องในไก่ปรุงแต่ง เนื้อไก่แช่เย็นจนแข็ง เดกซ์ทรินและโมดิฟายด์สตาร์ชและกระสอบและถุงทำด้วยพลาสติก เป็นต้น
อันดับ 5 ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย (AIFTA) มูลค่า 400.37 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนการใช้สิทธิ 70.65% โดยสินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิสูง และมีการขยายตัวของการใช้สิทธิ เช่น สารประกอบออร์แกโนอินออร์แกนิกอื่นๆ ลวดทองแดง พอลิเมอร์ของไวนิลคลอไรด์หรือของฮาโลเจเนเต็ดโอลีฟิน ในลักษณะขั้นปฐมภูมิ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีการใช้สิทธิตามกรอบความตกลงอื่นๆ เช่น ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-เกาหลี (AKFTA) มูลค่า 276.92 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนการใช้สิทธิ 62.92% และความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (AANZFTA) ส่งออกไปออสเตรเลีย มูลค่า 246.23 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนการใช้สิทธิ 36.88%
สำหรับความตกลง RCEP มีการส่งออกไปยัง 9 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น จีน เกาหลี ออสเตรเลีย สิงคโปร์ นิวซีแลนด์ มาเลเซีย เวียดนาม และอินโดนีเซีย มีมูลค่าการใช้สิทธิรวม 97.04 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 1,039% เมื่อเทียบกับเดือน ม.ค. 2565 ที่ได้เริ่มบังคับใช้ความตกลง RCEP โดยมีสินค้าส่งออกสำคัญภายใต้ความตกลง RCEP เช่น น้ำมันหล่อลื่น มันสำปะหลังเส้น ปลาทูน่ากระป๋อง หัวเทียน ฟล็อก ผงสิ่งทอ และมิลเน็ป เป็นต้น
การใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ FTA ดังกล่าว เป็นข้อมูลภายใต้ FTA 12 ฉบับ จากจำนวนความตกลงที่ไทยมีอยู่ 14 ฉบับ ได้แก่ เขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) ความตกลงเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (AANZFTA) ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น (AJCEP) ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี (AKFTA) ความตกลงการค้าเสรีไทย-ชิลี (TCFTA) ความตกลงว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นไทย-เปรู (TPCEP) ความตกลงเขตการค้าเสรีไทย-อินเดีย (TIFTA) ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย (AIFTA) และรวมถึงความตกลง RCEP ซึ่งเป็นความตกลงฉบับล่าสุดของไทยที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2565 ซึ่งขณะนี้มีผลบังคับใช้กับประเทศคู่ค้าเกือบครบทุกประเทศแล้ว แต่ไม่ได้รวมถึงความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง ที่ภาษีนำเข้าเป็นศูนย์ในทุกรายการสินค้า และความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นไทย-นิวซีแลนด์ (TNZCEP) ที่ใช้ระบบการรับรองตนเองของผู้ส่งออก (self-declaration)