xs
xsm
sm
md
lg

บขส.ผนึก "ไปรษณีย์ไทย" ใช้เครือข่ายขนส่งร่วม รุกบริการแบบ "ฮับทูฮับ"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บขส.-ไปรษณีย์ไทยผนึกใช้เครือข่ายยานพาหนะ-เส้นทางเดินรถ รุกบริการขนส่งแบบ "ฮับทูฮับ" ผ่านจุดรับส่งทั่ว ปท. 175 แห่ง เพิ่มทางเลือกช่วยกระจายสินค้า เริ่ม เม.ย.นี้ คาดเพิ่มส่วนแบ่งตลาด เป้าขนส่ง ไม่น้อยกว่า 350 ชิ้น/เที่ยว หรือ 10,500 ชิ้น/เดือน

วันที่ 8 มีนาคม 2566 นายสัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยภายหลังร่วมลงนามในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบทบทวนมติ ครม. เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2502 เรื่องการเดินรถขนส่งต่างจังหวัด จากเดิมให้ บขส.รับภาระเฉพาะเดินรถโดยสาร เป็นให้มีภารกิจด้านการขนส่งผู้โดยสาร และการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ บขส.พิจารณาแนวทางการดำเนินธุรกิจร่วมกับไปรษณีย์ไทย เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล สำหรับเป็นทางเลือกในการให้บริการประชาชน

บขส. และไปรษณีย์ไทย จึงได้ร่วมกันพิจารณาหาแนวทางในการพัฒนาธุรกิจรับ-ส่งพัสดุภัณฑ์ เพื่อส่งเสริม สนับสนุนและบูรณาการการทำงานร่วมกัน โดยใช้ประโยชน์จากทรัพยากรและเครือข่ายของทั้งสองหน่วยงานที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ทั้งนี้ บขส.ได้พัฒนาบริการรับ-ส่งพัสดุภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ ปัจจุบัน บขส.มีศูนย์รับส่งพัสดุภัณฑ์หลักอยู่ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) และมีสาขารับ-ส่งพัสดุภัณฑ์ รวมถึงตัวแทนรับ-ส่งพัสดุภัณฑ์ กระจายอยู่ทั่วประเทศ รวม 175 แห่ง

สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ ทางไปรษณีย์ไทยจะเข้ามาช่วยสนับสนุน บขส.ในการขนส่งสินค้าจากสถานีต้นทาง และสถานีปลายทาง และในอนาคตจะมีการขยายความร่วมมือในการให้บริการขนส่งสินค้าไปยังผู้รับสินค้าต่อไป


ด้านนายดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เปิดเผยว่า ความร่วมมือระหว่างไปรษณีย์ไทย กับ บขส.จะเริ่มต้นในช่วงเดือนเมษายนนี้ โดยไปรษณีย์ไทยจะเป็นผู้นำยานพาหนะเข้าไปรับสิ่งของในสถานีขนส่งผู้โดยสารของ บขส. ซึ่งปัจจุบันได้มีการพัฒนาพื้นที่บางส่วนให้เป็นศูนย์รับฝากพัสดุภัณฑ์ จากนั้นจะนำสิ่งของไปยังศูนย์กระจายสินค้าในภูมิภาคต่างๆ

ทั้งนี้ มั่นใจว่าจะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดให้กับทั้งสองฝ่ายได้โดยเฉพาะจากกลุ่มเป้าหมายหลักอย่างผู้ประกอบการรายย่อยที่ค้าขายทั้งในช่องทางออนไลน์-ออฟไลน์ และแต่ละรายมีคู่ค้าที่กระจายอยู่ตามจังหวัดต่างๆ นอกจากนี้ ยังจะทำให้สินค้าถูกนำจ่ายได้อย่างต่อเนื่อง ช่วยลดความกังวลของสินค้าที่ค้างตามศูนย์ต่างๆ ได้อีกด้วย

"ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการดำเนินงานตามแนวคิด Sharing Economy ซึ่งทั้งไปรษณีย์ไทย และ บขส.นับเป็นผู้ที่มีความชำนาญด้านเส้นทาง มีเครือข่ายและยานพาหนะที่สามารถรองรับการขนส่งได้ทั่วประเทศ ทั้งนี้ รูปแบบของการดำเนินงานจะเป็นการส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์จากศูนย์กระจายสินค้าหนึ่ง ไปยังศูนย์กระจายสินค้าอีกแห่งหนึ่ง หรือ Hub to Hub และการส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์จากศูนย์กระจายสินค้าหนึ่งส่งมอบให้แก่ผู้รับปลายทาง หรือ Hub to Door โดยในปี 2566 จะเริ่มต้นด้วยการดำเนินงานแบบแรกคือ Hub to Hub ซึ่งเป็นการนำพัสดุภัณฑ์ที่ฝากส่งกับ บขส.มาส่งผ่านรถยนต์ขนส่งของไปรษณีย์ไทยไปยังศูนย์กระจายสินค้าต่างๆ"


คาดว่าจะมีปริมาณงานขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 350 ชิ้น/เที่ยว (ไป-กลับ) หรือ 10,500 ชิ้น/เดือน สำหรับรถขนส่งของ บขส. 1 คัน และตอบโจทย์กับกลุ่มสินค้าประเภทเกษตรกรรม อาหาร สิ่งของขนาดพิเศษ อีคอมเมิร์ซ ฯลฯ ที่ต้องการกระจาย-จำหน่ายสินค้าในพื้นที่อื่นๆ


กำลังโหลดความคิดเห็น