รถไฟอัปเดตไฮสปีด "ไทย-จีน" งานโยธา14 สัญญา ภาพรวมคืบหน้า 17.53% เหลือ 3 สัญญาเร่งเซ็นผู้รับเหมา พร้อมลุยตรวจแบบสัญญา 2.3 เดินหน้าติดตั้งระบบและผลิตขบวนรถในปี 66 มั่นใจเปิดให้บริการปี 70
รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทางรวม 250.77 กิโลเมตร ว่า การก่อสร้างงานโยธา 14 สัญญามีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เมื่อปี 2560 ถึงสิ้นเดือนม.ค. 2566 ภาพรวมมีความคืบหน้า 17.53% ซึ่งนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีนโยบายให้ นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย เร่งรัดติดตามการก่อสร้าง รวมถึงแก้ปัญหาต่างๆ เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการได้ตามแผนงานที่วางไว้ภายในปี 2570
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีงานโยธาที่ก่อสร้างเสร็จแล้วจำนวน 1 สัญญา คือ ช่วงกลางดง-ปางอโศก ระยะทาง 3.5 กม. ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง 10 สัญญา ได้แก่ 1. ช่วงสีคิ้ว-กุดจิก ระยะทาง 11 กม. ผลงาน 97.88% 2. งานอุโมงค์มวกเหล็ก และลำตะคอง ระยะทาง 12.23 กม. ผลงาน 11.42% 3. ช่วงบันไดม้า-ลำตะคอง ระยะทาง 26.10 กม. ผลงาน 18.63% 4. ช่วงลำตะคอง-สีคิ้ว และช่วงกุดจิก-โคกกรวด ระยะทาง 37.45 กม. ผลงาน 47.54% 5. ช่วงโคกกรวด-นครราชสีมา ระยะทาง 12.38 กม. ผลงาน 3.40% 6. ช่วงดอนเมือง-นวนคร ระยะทาง 21.80 กม. ผลงาน 0.13% 7. ช่วงนวนคร-บ้านโพ ระยะทาง 23 กม. ผลงาน 6.40% 8. ศูนย์ซ่อมบำรุงเชียงรากน้อย ผลงาน 0.04% 9. ช่วงพระแก้ว-สระบุรี ระยะทาง 31.60 กม. ผลงาน 0.20% และ 10. ช่วงสระบุรี-แก่งคอย ระยะทาง 12.99 กม. ผลงาน 34.04%
ส่วนอีก 3 สัญญายังไม่ได้ลงนาม 3 สัญญา ได้แก่ 1. ช่วงแก่งคอย-กลางดง และปางอโศก-บันไดม้า ระยะทาง 30.21 กม. 2. ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง ระยะทาง 15.21 กม. และ 3. ช่วงบ้านโพ-พระแก้ว ระยะทาง 13.30 กม.
สำหรับปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการก่อสร้าง ในส่วนของงานเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ ได้รับผลกระทบจำนวน 11 สัญญา จากทั้งหมด 14 สัญญา ซึ่งล่าสุดราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินการก่อสร้างโครงการฯ ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา โดยมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2565 เป็นต้นไป มีกำหนดระยะเวลา 4 ปี โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่เริ่มต้นเข้าสำรวจที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ภายในแนวเขตที่ดินที่จะเวนคืนให้การรถไฟฯ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรักษาการตามพระราชกฤษฎีกา
คือ การขอพื้นที่จากส่วนราชการ เช่น กรมป่าไม้ กรมชลประทาน และกรมธนารักษ์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการรถไฟฯ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งรัดการดำเนินการขอใช้พื้นที่ โดยมีสัญญาที่ได้รับผลกระทบรวม 7 สัญญา
ปัญหาสถานีอยุธยา ที่คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ให้พิจารณาย้ายสถานี ปัจจุบันการรถไฟฯ ได้ว่าจ้างที่ปรึกษาศึกษาผลกระทบต่อมรดกโลกทางวัฒนธรรม หรือ HIA แล้ว โดยเริ่มงานเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 ระยะเวลาดำเนินการ 6 เดือน กำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จภายในวันที่ 24 เมษายน 2566
ปัญหาโครงสร้างร่วมกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ขณะนี้โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งเป็นผู้ก่อสร้างโครงสร้างร่วมในส่วนของโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมานั้น อยู่ระหว่างการออกแบบรายละเอียด ขณะเดียวกัน การรถไฟฯ และเอกชนคู่สัญญาอยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไขสัญญาในส่วนของการก่อสร้างโครงสร้างร่วมควบคู่กันไป โดยคาดว่าจะออกแบบแล้วเสร็จและเริ่มก่อสร้างได้ภายในต้นปี 2566
ส่วนสัญญา 2.3 (งานระบบราง ระบบไฟฟ้า และเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟ รวมถึงจัดฝึกอบรมบุคลากร) ซึ่งลงนามสัญญาเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2563 แต่ที่ผ่านมาต้องหยุดชะงักเนื่องจากสถานการณ์โควิด ปัจจุบันได้เร่งรัดการดำเนินการตามสัญญาแล้ว ประกอบด้วย 1. งานออกแบบระบบทั้งหมด และขบวนรถไฟ งานก่อสร้างและติดตั้ง ซึ่งจะเริ่มหลังจากงานออกแบบแล้วเสร็จและงานโยธามีความคืบหน้าสามารถส่งมอบพื้นที่ให้เข้าวางราง และติดตั้งระบบไฟฟ้า, อาณัติสัญญาณ, ระบบสื่อสารรวมถึงการผลิตขบวนรถไฟ 2. งานฝึกอบรมบุคลากรและงานถ่ายทอดเทคโนโลยี ล่าสุดทางสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ส่งแบบ และเอกสารต่างๆ มาให้การรถไฟฯ และคู่สัญญา อยู่ระหว่างตรวจสอบและแก้ไขในรายละเอียดต่างๆ คาดว่าจะเดินหน้างานระบบได้ภายในต้นปี 2566
สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา แล้วเสร็จและเปิดให้บริการทันตามกำหนดปี 2570 เพื่ออำนวยความสะดวกการเดินทางแก่ประชาชน ซึ่งหากก่อสร้างแล้วเสร็จจะใช้เวลาเดินทางจากสถานีต้นทาง สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ถึงสถานีปลายทาง นครราชสีมา เพียง 90 นาที ซึ่งช่วยประหยัดเวลาในการเดินทาง และยังช่วยกระจายการเติบโตทางเศรษฐกิจไปยังภูมิภาคตามยุทธศาสตร์ชาติ ตลอดจนพลิกโฉมการคมนาคมขนส่งของประเทศ ให้ไทยเติบโตเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคมและโลจิสติกส์ของภูมิภาคอาเซียนต่อไป