xs
xsm
sm
md
lg

เร่งแก้ "สุวรรณภูมิ" แออัด ทอท.จ่อชงบอร์ดจัดหาเครื่องตรวจพาสปอร์ตอัตโนมัติใหม่ คาดปลายปีผู้โดยสารจีนทะลุ 1 ล้านคน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ทอท.คาดปลายปี 66 ผู้โดยสารฟื้น 60 ล้านคน เร่งแก้ 'สุวรรณภูมิ' แออัด จ่อชงบอร์ดจัดหาเครื่องตรวจพาสปอร์ตอัตโนมัติใหม่ 88 ตัว โละของเก่าและเคลียร์พื้นที่เปิดจุด ตม.เชื่อมอาคาร SAT-1 ผู้โดยสารจีนพุ่ง ส.ค.คาดทะลุ 1 ล้านคน

นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) หรือ AOT เปิดเผยว่า ทอท.อยู่ระหว่างเตรียมการแก้ไขปัญหาความแออัดคับคั่งบริเวณพื้นที่ตรวจหนังสือเดินทางภายในอาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยที่ผ่านมาผู้โดยสารขาเข้าใช้เวลาเฉลี่ย 30-50 นาที โดยประสานสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) จัดเจ้าหน้าที่ให้บริการเต็มเคาน์เตอร์ 100% โดยเฉพาะเวลาผู้โดยสารหนาแน่นช่วง 15.00-20.00 น. ขณะที่คาดการณ์ว่าในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2566 ผู้โดยสารที่สุวรรณภูมิจะมีประมาณ 60 ล้านคน/ปี หรือกลับไปเท่ากับจำนวนผู้โดยสารเมื่อปี 2562

ดังนั้น ทอท.จึงมีแผนการเพิ่มขีดความสามารถของจุดตรวจหนังสือเดินทาง โดยอยู่ระหว่างเร่งทำแผน และนำเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท. ในเดือน มี.ค. 2566 เพื่อขออนุมัติงบประมาณ ซึ่งจะแบ่งดำเนินการเป็น 2 ระยะ คือ


ระยะที่ 1 ติดตั้งเครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ Auto channel เพื่อรองรับผู้โดยสารขาออกได้ทุกประเทศที่มีการใช้งาน E-Passport ทำให้ผู้โดยสารสามารถใช้บริการผ่าน Auto channel ได้สะดวก รวดเร็ว ใช้ระบบเทคโนโลยีที่สากลยอมรับ โดยใช้ใบหน้าร่วมกับลายนิ้วมือ ทำให้ในขณะที่ผู้โดยสารขาเข้า นอกจากผู้โดยสารชาวไทยแล้ว ประเทศไทยได้มีบันทึกข้อตกลงในการผ่านเข้าประเทศ ทำให้ผู้โดยสารกลุ่มนี้สามารถใช้บริการ Auto channel ได้อีกด้วย โดยจะจัดหาเพื่อทดแทนของเดิม 30 เครื่อง และติดตั้งเพิ่มอีก 26 เครื่องรวมเป็น 56 เครื่อง

คาดว่าจะสามารถเริ่มกระบวนการจัดหาพัสดุได้ประมาณเดือน มิ.ย. 2566 และเริ่มทยอยทำการติดตั้งเครื่อง Auto channel ได้ตั้งแต่เดือน พ.ย. 2566 ไปจนครบภายในเดือน ส.ค. 2567 ทำให้มีขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารขาออก จาก 6,200 คน/ชั่วโมง เป็น 8,800 คน/ชั่วโมง และสามารถรองรับผู้โดยสารขาเข้า จาก 11,000 คน/ชั่วโมง เป็น 13,300 คน/ชั่วโมง

ระยะที่ 2 เป็นการก่อสร้างพื้นที่บริเวณพื้นที่ว่าง ที่อยู่ระหว่างอาคารผู้โดยสารกับ อาคาร Concourse D เพื่อเป็นโถงรองรับผู้โดยสารขาเข้า และผู้โดยสาร Visa on Arrival (VOA) มีพื้นที่ประมาณ 1,500 ตารางเมตร โดยจะมี ตม.บริการรวม 63 ช่องทาง แบ่งเป็น Auto channel จำนวน 32 เครื่อง และเคาน์เตอร์ ตม.อีก 30 เคาน์เตอร์

การดำเนินการอยู่ระหว่างการขออนุมัติงบประมาณเช่นกัน ซึ่งในเฟส 2 จะมีงบจัดหาเครื่อง Auto channel และงบสำหรับการก่อสร้างเพื่อปรับปรุงพื้นที่ โดยจะเร่งจัดทำข้อกำหนดรายละเอียด (TOR) จะสามารถเริ่มงานได้ประมาณเดือน พ.ย. 2566 และจะแล้วเสร็จในเดือน พ.ค. 2568 เมื่อการดำเนินงานแล้วเสร็จจะเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารขาเข้าได้อีกประมาณ 2,000 คน/ชั่วโมง และเพิ่มการรองรับในส่วนของผู้โดยสาร Visa on Arrival (VOA) ได้อีกประมาณ 400 คน/ชั่วโมง

การจัดพื้นที่และระบบตรวจหนังสือเดินทางในระยะที่ 2 เพื่อรองรับผู้โดยสารที่จะเพิ่มจากการเปิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) ที่ขณะนี้การก่อสร้างและการทดสอบระบบเสร็จแล้ว อยู่ระหว่างกระบวนการทำสอบเสมือนจริง ใช้เวลาประมาณ 6 เดือน คาดว่าจะเปิดให้บริการในเดือน ก.ย. 2566

นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) หรือ AOT
@สุวรรณภูมิ คาดผู้โดยสารจีนพุ่ง เฉพาะขาเข้า 1 พ.ค.แตะ 5 แสนคน ส.ค.ทะลุ 1 ล้านคน

นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทอท. กล่าวถึงความพร้อมในการให้บริการผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องว่า หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 คลี่คลายมีการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ต่อเนื่องจนกระทั่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเปิดประเทศเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2566 และได้อนุญาตให้บริษัทนำเที่ยวจัดกรุ๊ปทัวร์นำนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศเพื่อท่องเที่ยวต่างประเทศตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ. 2566 ส่งผลให้เกิดความแออัดคับคั่งของผู้โดยสารโดยเฉพาะในช่วงเวลาชั่วโมงเร่งด่วน (Peak Hour) นั้น

ที่ผ่านมาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้มีการแก้ปัญหาการให้บริการในหลายประเด็นกับหน่วยงานและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง เช่น กรณีการขนถ่ายกระเป๋าสัมภาระล่าช้า โดยสถิติเที่ยวบินเมื่อเดือน ธ.ค. 2565 มีจำนวนที่มีบริการกระเป๋าล่าช้ามากกว่า 30 นาที ประมาณ 50 เที่ยวบินต่อวัน ในเดือน ม.ค. 2566 ลดเหลือประมาณ 30 เที่ยวบินต่อวัน ปัจจุบันเดือน ก.พ. 2566 ลดลงเหลือประมาณ 15-20 เที่ยวบินต่อวัน คิดเป็นประมาณ 7% ของเที่ยวบินทั้งหมด

สำหรับการแก้ไขปัญหาในระยะสั้นและระยะกลางนั้น บริษัทผู้ให้บริการภาคพื้นทั้ง 2 ราย (บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บริการภาคพื้นการบินกรุงเทพเวิลด์ไวด์ไฟลท์เซอร์วิส จำกัด หรือ BFS) ได้เร่งดำเนินการเพิ่มจำนวนบุคลากรและอุปกรณ์ให้สอดคล้องกับจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากการเปิดประเทศ

ส่วนการแก้ไขปัญหาในระยะยาว อยู่ระหว่างกระบวนการสรรหาผู้ให้บริการภาคพื้นรายที่ 3 ซึ่ง ทอท.ต้องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดต่อไป โดยคาดว่าจะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน พร้อมทั้งยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับปริมาณเที่ยวบิน และจำนวนผู้โดยสารที่จะเดินทางเข้ามายังประเทศไทยให้กับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิต่อไป

สำหรับปัญหารถแท็กซี่สาธารณะขาดแคลน หลังจากเกิดโควิด-19 ทำให้ผู้ประกอบการแท็กซี่กลับภูมิลำเนา และยังกลับมาดำเนินการไม่ครบจำนวนนั้น ได้เร่งแก้ปัญหาในการเพิ่มจำนวนแท็กซี่เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายและใช้เวลาในการรอคิวน้อยที่สุด ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนรถแท็กซี่ฯ ในระบบเพิ่มขึ้นจากเดิม เป็น 3,909 คัน และคาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนรถแท็กซี่ฯ เข้าระบบเพื่อรองรับการใช้บริการที่เพิ่มมากขึ้นได้ถึงจำนวน 4,500 คัน ช่วงเดือน เม.ย. 2566 ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน SAWASDEE by AOT เพื่อดูข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ ทสภ. และจองการใช้บริการรถ TAXI ได้เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการใช้บริการรถแท็กซี่ฯ

สำหรับสถิติเที่ยวบิน และผู้โดยสารในภาพรวมของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ช่วงเปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2565-15 ก.พ. 2566 มีจำนวนเที่ยวบินรวมทั้งสิ้น 107,304 เที่ยวบิน และมีจำนวนผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 17,350,179 คน หลังจากจีนเปิดประเทศและให้บริษัทนำเที่ยวจัดกรุ๊ปทัวร์นำนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศเพื่อท่องเที่ยวต่างประเทศได้ ในระหว่างวันที่ 8 ม.ค.-15 ก.พ. 2566 เที่ยวบินที่ทำการบินเข้ามาจีน (จีน ฮ่องกง มาเก๊า) มีจำนวน 751 เที่ยวบิน เฉลี่ยวันละ 20 เที่ยวบิน และผู้โดยสารขาเข้าจากจีนมีจำนวน 161,502 คน เฉลี่ยวันละ 4,142 คน ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าจำนวนผู้โดยสารเที่ยวบินขาเข้าจากจีนจะแตะ 500,000 คนภายในประมาณวันที่ 1 พ.ค. 2566 และถึง 1,000,000 คน ภายในประมาณวันที่ 20 ส.ค. 2566


กำลังโหลดความคิดเห็น