ทอท.คาดปีใหม่ 66 มีผู้โดยสารผ่านสนามบิน 6 แห่ง 29 ธ.ค. 65-4 ม.ค. 66 กว่า 2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 171.28% ส่วนผู้โดยสารระหว่างประเทศเกิน 1 ล้านคน เพิ่มขึ้นกว่า 832% โดยเที่ยวบินเพิ่มถึง 260%
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) หรือ ทอท. กล่าวว่า ทอท.ได้เตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 ผ่านสนามบินทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ โดยประมาณการปริมาณการจราจรทางอากาศระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2565-4 มกราคม 2566 ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งว่าจะมีผู้โดยสารประมาณ 2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 171.28% เมื่อเทียบกับปริมาณการจราจรทางอากาศที่เกิดขึ้นจริงในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 (29 ธันวาคม 2564-4 มกราคม 2565)
แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประมาณ 1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 832.51% และผู้โดยสารภายในประเทศ ประมาณ 1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 57.05% และมีเที่ยวบินประมาณ 12,190 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 87.01% แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศประมาณ 5,340 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 260.53% และเที่ยวบินภายในประเทศประมาณ 6,850 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 35.98%
โดยยังคงปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 รวมทั้งได้ตระหนักถึงการกลับมาให้บริการในยุค New Normal ซึ่งในช่วงนี้ที่การท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว และมีผู้โดยสารมาใช้บริการสนามบินเพิ่มมากขึ้น เทคโนโลยีและนวัตกรรรมที่ ทอท.ได้พัฒนาขึ้นจะช่วยตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว และเพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายสูงสุด ขอแนะนำแอปพลิเคชัน SAWASDEE by AOT ซึ่งผู้โดยสารสามารถเช็กข้อมูลและสถานะเที่ยวบินแบบ Real-time พร้อมระบบแจ้งเตือนแบบอัจฉริยะเมื่อใกล้เวลาเดินทาง เช็กสถานะกระเป๋าเดินทาง จองที่จอดรถ จองรถแท็กซี่ ค้นหาข้อมูลรถสาธารณะ รวมถึงร้องเรียนและติชมการให้บริการ รวมถึงฟังก์ชันใหม่ล่าสุด Queue Times ช่วยวางแผนการเดินทางให้ง่ายขึ้น โดยผู้โดยสารสามารถเช็กความแออัดและระยะเวลาในพื้นที่เช็กอิน พื้นที่ตรวจค้น และพื้นที่ตรวจคนเข้าเมืองได้ด้วยตนเองผ่านแอปพลิเคชัน เป็นต้น
นอกจากนี้ แนะนำให้ผู้โดยสารใช้เครื่อง Kiosk สำหรับเช็กอินและโหลดกระเป๋าสัมภาระ ซึ่งใช้งานง่าย และ ทอท.ได้ติดตั้งเครื่อง Kiosk กระจายอยู่ตามบริเวณต่างๆ ภายในอาคารผู้โดยสาร พร้อมจัดเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำและอำนวยความสะดวกการใช้งาน
รวมทั้งจัดตั้งศูนย์ประสานงาน หรือศูนย์ร่วมรักษาความปลอดภัยในสนามบิน โดยมีผู้บริหาร และพนักงาน ทอท. รวมถึงผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ร่วมประจำศูนย์ฯ ตลอดเทศกาล
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้มีการจัดตั้งศูนย์ Single Command Center ตามสั่งการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเพื่อบริหารจัดการเรื่องความแออัดของผู้โดยสารที่มาใช้บริการโดยเฉพาะในช่วงเวลา Peak Hour ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ ทสภ.ปฏิบัติงานเวรตลอด 24 ชั่วโมง ตลอดจนได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดเตรียมรถแท็กซี่ และรถสาธารณะ
มาให้บริการเพิ่มเติมหากมีความต้องการใช้บริการจำนวนมาก
@เปิดฟรีลานจอดรถระยะยาวโซน C ตั้งแต่ 29 ธ.ค. 65-3 ม.ค.66
นอกจากนี้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังได้ยกเว้นค่าบริการจอดรถยนต์ที่ลานจอดรถระยะยาวโซน C ตั้งแต่เวลา 00.01 น.ของวันที่ 29 ธันวาคม 2565 ถึงเวลา 24.00 น.ของวันที่ 3 มกราคม 2566 พร้อมจัดรถ Shuttle Bus ให้บริการรับ-ส่งผู้โดยสารทุกๆ 15 นาที ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง
และท่าอากาศยายภูเก็ตได้จัดพื้นที่จอดรถยนต์ฟรี ณ อาคาร X-Terminal เริ่มจอดได้ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันที่ 29 ธันวาคม 2565-24.00 น. ของวันที่ 3 มกราคม 2566 และจัดพื้นที่ลานจอดรถหน้าอาคารสำนักงาน เริ่มจอดได้ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันที่ 29 ธันวาคม 2565-24.00 น. ของวันที่ 2 มกราคม 2566
พร้อมทั้งขอเน้นย้ำในหลักเกณฑ์การตรวจค้นของเหลว เจล สเปรย์ที่จะนำติดตัวขึ้นเครื่อง ตามประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) โดยสามารถนำติดตัวขึ้นเครื่องหรือเข้าไปในเขตหวงห้ามในสนามบินได้ในบรรจุภัณฑ์ที่มีความจุไม่เกิน 100 มิลลิลิตร โดยบรรจุภัณฑ์ต้องมีลักษณะที่ปิดสนิทและมีข้อความระบุปริมาตรของบรรจุภัณฑ์ชัดเจน ซึ่งผู้โดยสารสามารถนำติดตัวขึ้นบนอากาศยานรวมกันได้ไม่เกินคนละ 1,000 มิลลิลิตร ทั้งนี้ หากบรรจุภัณฑ์ที่มีปริมาณของเหลวฯ เกินกว่าที่กำหนด (100 มิลลิลิตร) แม้ว่าจะมีของเหลวอยู่เล็กน้อยต้องนำใส่ในสัมภาระโหลดใต้ท้องเครื่อง และสำหรับการนำแบตเตอรี่ลิเทียมสำรองขึ้นเครื่องบินตามประกาศของ กพท.ระบุว่า แบตเตอรี่ลิเทียมสำรองขนาดเล็กที่มีค่าความจุไฟฟ้าน้อยกว่าหรือเท่ากับ 100 Wh (Watt - Hour : Wh) หรือ 20,000 mAh สามารถนำติดตัวขึ้นเครื่องบินได้ แต่ไม่สามารถโหลดใต้ท้องเครื่องบินได้ แบตเตอรี่ลิเทียมสำรองขนาดกลางที่มีค่าความจุไฟฟ้ามากกว่า 100 ถึง 160 Wh หรือมากกว่า 20,000 ถึง 32,000 mAh สามารถนำติดตัวขึ้นเครื่องได้คนละไม่เกิน 2 ชิ้น แต่ไม่สามารถโหลดใต้ท้องเครื่องบินได้ แบตเตอรี่ลิเทียมสำรองขนาดใหญ่ที่มีค่าความจุไฟฟ้ามากกว่า 160 Wh หรือ 32,000 mAh ไม่อนุญาตให้นำขึ้นเครื่องบินและโหลดใต้ท้องเครื่องบิน นอกจากนี้ แบตเตอรี่ลิเทียมสำรองที่ไม่ระบุพลังงานไฟฟ้า Wh หรือระบุขนาดบรรจุของลิเทียม (Lithium Content : LC)
หรือระบุไม่ชัดเจนไม่สามารถนำขึ้นเครื่องบิน หรือโหลดใต้ท้องเครื่องบินได้