ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจเผยผลสำรวจภาคธุรกิจไทย พบได้รับผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจโลก ค่าครองชีพ เงินเฟ้อ ดอกเบี้ย ค่าแรงขึ้น ทำให้ต้นทุนขยับ กำไรลดลง สภาพคล่องหาย แนะรัฐดูแลราคาพลังงาน คุมเงินเฟ้อ คาดปีนี้จีดีพียังโตได้ 3.1% ได้แรงหนุนจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึงผลการสำรวจผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกต่อธุรกิจไทยในปัจจุบัน จาก 850 ตัวอย่างทั่วประเทศ วันที่ 6-12 ก.ย. 2565 ว่า ผู้ตอบกว่า 90% ระบุธุรกิจได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ค่าครองชีพสูง การขึ้นดอกเบี้ยและค่าแรงขั้นต่ำ เพราะทำให้ยอดขาย กำไร และลูกค้าลดลง รวมทั้งต้นทุนเพิ่มขึ้น และขาดสภาพคล่องทางการเงิน โดยธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมาก เช่น กลุ่มอาหารและแฟชั่น เกษตร ยานยนต์ ธุรกิจเช่าซื้อ ก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ เครื่องประดับ ส่งผลให้ธุรกิจมีโอกาสเกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) และบางส่วนอาจปลดคนงานได้
ทั้งนี้ ภาคธุรกิจยังคงมองว่าเศรษฐกิจไทยในช่วง 6 เดือน ถึง 1 ปี จะยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบันมากนัก แต่สิ่งที่กังวลคือ ต้นทุนการผลิต ค่าครองชีพสูง และเงินเฟ้อที่สูงขึ้นจากราคาพลังงานที่สูงขึ้น จึงต้องการให้รัฐบาลสกัดเงินเฟ้อไม่ให้สูงจนเกินไป โดยเฉพาะการขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ภาคธุรกิจยังทำธุรกิจต่อไปได้
สำหรับมาตรการดูแลราคาพลังงาน เห็นว่า เป็นมาตรการที่ดี เพื่อลดความร้อนแรงด้านต้นทุนการผลิตและต้นทุนค่าครองชีพ และเป็นมาตรการเหมาะสมต่อการฟื้นตัวทางด้านเศรษฐกิจ ส่วนการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ แม้จะเป็นต้นทุนต่อการผลิตให้กับภาคอุตสาหกรรม แต่ไม่ใช่เป็นเหตุให้ภาคอุตสาหกรรมปรับลดแรงงาน โดยภาคธุรกิจกว่า 80% เห็นว่าจะไม่ปรับลดคนงาน หลังปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ขณะที่น้ำท่วมในประเทศคาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจเสียหายราว 5,000 ล้านบาท ซึ่งกระทบต่อผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) น้อยมาก และรายได้จากการท่องเที่ยวจะเข้ามาชดเชยความเสียหายตรงนี้ได้
“เศรษฐกิจโลกที่ถดถอย และปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ จะกดดันให้จีดีพีไทยปีนี้ลดลงมาใกล้เคียงกับปีก่อน แต่ถ้าผลักดันให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยใกล้เคียงหรือมากกว่า 10 ล้านคน จะช่วยลดผลกระทบได้เกือบทั้งหมด คาดว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยทะลุ 10 ล้านคน สร้างเม็ดเงินกว่า 240,000 ล้านบาท และยังคงคาดการณ์เดิมว่าปีนี้จีดีพีจะขยายตัว 3.1% ส่งออกขยายตัว 5-6% ส่วนปี 2566 จีดีพีจะเติบโตอยู่ในกรอบ 3-3.5% แต่จะประเมินตัวเลขเศรษฐกิจอีกครั้งในเดือนพ.ย.นี้” นายธนวรรธน์กล่าว