GTG เผยตลาดในประเทศเริ่มคึกคักหลังรัฐบาลเปิดเสรีกัญชาส่งผลคอนซูเมอร์เปิดใจ สอดรับผลบวกเปิดประเทศจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่ม ธุรกิจโรงแรม สปา ร้านอาหารเริ่มกลับมาเติบโต ส่งผลดีมานด์ครึ่งปีหลังเติบโต เผยส่งผลดี มีความต้องการ CBD ช่อ ดอก ในกลุ่มสปา ร้านอาหาร โรงแรม เพิ่มขึ้น ครึ่งปีหลังเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ กลุ่มบิวตี้ อาหาร เครื่องดื่ม ภายใต้แบรนด์ของตัวเอง และจับมือกับพาร์ตเนอร์ เผยเปิดเสรีกัญชา เปิดเกมบุกตลาดต่างประเทศนำร่อง เยอรมนีเป็นเกตเวย์บุกประเทศกลุ่มยุโรป ชี้โอกาสดันกัญชง-กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ต้องเน้นคุณภาพและมาตรฐานมาก่อน
นายกฤษณ์ ธีรเกาศัลย์ กรรมการผู้จัดการและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล กรุ๊ป จำกัด (Golden Triangle Group Co., Ltd.) หรือ ‘GTG’ เปิดเผยว่า หลังจากเดินหน้าสร้างการรับรู้และทำการตลาดกัญชงในประเทศไทย นำโดยการจัดกิจกรรมโรดโชว์ทั่วประเทศกว่าหลากหลายงานตลอดตั้งแต่ต้นปี พร้อมเปิดตัวสินค้าที่ผลิตจากสารสกัด CBD Full Spectrum 100, 300 และ 500 mg. รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ทั้งเพื่อการอุปโภคและบริโภค ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานอาหารและยา (อย.) อย่างถูกต้อง อย่าง Tropical Terpenes น้ำมันหอมระเหยอเนกประสงค์ที่สกัดจากพืชและผลไม้ GTG Bath Bomb ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณสำหรับการแช่หรือการอาบน้ำในอ่าง และ CBD Everyday Balm บาล์มอเนกประสงค์ และในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในกลุ่มบิวตี้โปรดักต์ หรือสินค้ากลุ่มความงามและสุขภาพ รวมไปถึงกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มมากกว่า 10 รายการ ภายใต้แบรนด์ของ GTG เองและภายใต้ความร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของแต่ละกลุ่มโปรดักต์ และต้องยื่นขอขึ้นทะเบียน อย.อย่างถูกต้องทุกตัว โดยสินค้าที่จะออกสู่ตลาดทั้งหมดจะใช้ CBD Full Spectrum ที่มีสาร THC น้อยกว่า 0.2% ถูกต้องตามกฎหมาย และมีสาร CBD มากถึง 15.8% โดยสกัดมาจากสายพันธุ์กัญชงภายใต้ชื่อ “RAKSA” (รักษา) ซึ่งเป็นสายพันธุ์เฉพาะของบริษัทเอง
อย่างไรก็ดี การทำตลาดในประเทศมีทิศทางที่สดใสขึ้นภายหลังจากมีการปลดล็อกกัญชาเมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา ส่งผลให้กัญชง กัญชาเป็นที่ยอมรับของประชาชนและผู้บริโภคและส่งผลให้มีดีมานด์เพิ่มมากขึ้นในตลาด ทั้งในกลุ่มการแพทย์ซึ่งเติบโตดีมาตั้งแต่ปลดล็อกเพื่อการแพทย์เมื่อปลายปี 2564 ขยายไปยังกลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม กลุ่มความงามและสุขภาพ ผนวกกับการเปิดประเทศส่งผลให้ปริมาณนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยคาดว่าจะมีจำนวน 7-10 ล้านคนในปีนี้ (ข้อมูลจากสภาพัฒน์) ซึ่งส่งผลดีให้ GTG สามารถเดินหน้าทำตลาดสารสกัด CBD ช่อ ดอก ได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม สปา และร้านอาหาร
ทั้งนี้ การเดินหน้าทำการตลาดในประเทศถือเป็นเป้าหมายรองของ GTG ซึ่งเป้าหมายหลักคือการส่งออกสารสกัดและต้นกัญชง กัญชา ไปยังตลาดยุโรป ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีการเปิดเสรีกัญชง กัญชา ทางการแพทย์ โดยจะโฟกัสไปยังประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นตลาดที่มีความต้องการสูงและมีโอกาสเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด โดยใช้ประเทศเยอรมนีเป็นเกตเวย์กระจายสินค้าไปยังประเทศอื่นๆ ในยุโรป เช่น สเปน กรีซ เป็นต้น ซึ่งอยู่ระหว่างขอใบอนุญาตส่งออกและขอรับรองมาตรฐานการปลูกและการเก็บเกี่ยวอย่าง GACP (Good Agricultural and Collection Practice) ที่คาดว่าจะได้รับภายในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ ส่งผลให้ GTG เป็นเจ้าแรกที่ได้รับมาตรฐานดังกล่าว อีกทั้ง GTG ยังเดินหน้าขอรับรองมาตรฐาน EUGMP สำหรับการแพกกิ้ง โดยจะดำเนินการขอรับรองภายในควอเตอร์ 4 ของปีนี้ และคาดว่าจะสามารถส่งออกได้ในช่วงครึ่งปีหลัง
“GTG มีเป้าหมายออกไปตีตลาดยุโรป โดยได้ดำเนินการขอรับรองขอมาตรฐาน GACP ไปแล้วและจะเดินหน้าขอรับรองมาตรฐาน EUGMP ต่อ ซึ่งเราจะเป็นรายแรกของเอเชีย และยังมีแผนนำสารสกัด CBD Full Spectrum ไปออกงานโรดโชว์ในกลุ่มประเทศยุโรป เช่น งานนิทรรศการกัญชง กัญชาที่ประเทศเยอรมนี เป็นต้น กลุ่มยุโรปนับเป็นตลาดที่น่าสนใจและมีโอกาสการเติบโตอย่างมาก แต่การจะเข้าไปเจาะตลาดในกลุ่มประเทศเหล่านี้ได้สินค้าจะต้องเป็นสินค้าที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน ซึ่ง CBD Full Spectrum ของ GTG มี THC น้อยกว่า 0.2% เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ไม่จัดอยู่ในสารเสพติดประเภทที่ 5 และเมื่อเราได้รับมาตรฐาน GACP จะทำให้ GTG เป็นรายแรกของเอเชียที่ออกไปตีตลาดยุโรปได้” นายกฤษณ์กล่าว
นายกฤษณ์กล่าวทิ้งท้ายว่า การจะผลักดันให้กัญชง และกัญชา เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ที่สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้ประเทศได้อย่างยั่งยืนและเป็นการสร้างบรรทัดฐานในการเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าเกษตรและสมุนไพรไทย คือการมุ่งเน้นส่งเสริมคุณภาพและมาตรฐานของผลิตภัณฑ์จากกัญชง และกัญชา เพื่อนำมาซึ่งมูลค่าที่สูงขึ้น