"GTG" ผู้นําด้านการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพของอุตสาหกรรมกัญชาและกัญชงในประเทศไทย และเป็นเจ้าของกัญชง “Raksa” ประกาศเตรียมส่งออกอุตสาหกรรมกัญชา-กัญชง ในปีหน้าอย่างเต็มตัว ฝั่งโซนยุโรป เป้าหมายแรกประเทศเยอรมัน
Golden Triangle Group Co., Ltd. (“GTG”) มุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาคุณภาพและความเป็นเลิศในทุก มิติเราเป็นผู้นําด้านการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพของอุตสาหกรรมกัญชาและกัญชงในประเทศไทย และเป็นเจ้าของกัญชง “Raksa®” ซึ่งเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่มี CBD สูงที่สุด โดยภารกิจของเรา คือการปรับปรุงคุณภาพชีวิตด้วยผลิตภัณฑ์จากกัญชาและกัญชงที่ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ
นาย กฤษณ์ ธีรเกาศลย์ (คริส) กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งบริษัท โกลเด้น ไทรแองเกิ้ลกิ้ กรุ๊ป จํากัด ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ตัวผมเองชอบเริ่มต้นด้วย No The present. ตัวผมเองเป็น Investment Banker ซื้อขายน้ำมันมา แล้วปี 2018 OKEA ASA ที่ดำเนินการพัฒนาและผลิตปิโตรเลียมในประเทศนอร์เวย์ แล้วผมก็หมุนจากแก๊สมาทำกัญชา ด้วยความตั้งใจว่าเราจะสร้าง GTG เป็นสิ่งที่ตลาดทางการเงินเข้าใจว่ามันคืออะไร เพราะฉะนั้นเราเรียกว่าเป็นไบโอเทค การที่เป็นไบโอเทค เราจึงเริ่มต้นไปซื้อสายพันธุ์มาจากบริษัท 'Resin Seed' ของคุณ Jaime Garcia ซึ่งตอนนี้เป็นพาร์ทเนอร์กัน และในปี 2018 มีกฎหมายกัญชาทางการแพทย์ เราได้เซ็น MOU กับมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย เอาสายพันธุ์ 'Resin Seed' เข้ามาสร้าง ต่อมาในปี 2019 ผมนั่งอยู่ในรัฐสภาในคณะอนุกรรมการร่างกฎหมายกัญชง ปลายปี 2019 ได้กฎหมายกัญชง
นายกฤษณ์ กล่าวต่อว่า ปี 2020 เราได้ใบอนุญาตกัญชง ทางเราได้นำต้นแม่พันธุ์กัญชาที่มี THC ที่ต่ำกว่า 1% ณ วันนั้นเป็นกัญชงเรียบร้อยแล้ว ตามกฎหมายไทย ทางเราก็ได้เริ่มผลิตกัญชง เราเล็งว่าตลาดในประเทศไทยใหญ่ไม่พอ ต้องการขยายฐานการตลาด โดยเฉพาะฐานตลาดทางยุโรป เพราะฉะนั้นการปลูกของเราจึงต้องมีมาตรฐานที่สามารถส่งไปยุโรปได้
"GTG มีความเชื่อว่า กัญชาเป็นผลผลิตทางการเกษตรมูลค่าสูง ที่ไม่แตกต่างจากอย่างอื่น และเราก็ได้สายพันธุ์ชื่อว่า Raksa ซึ่งเป็นต้นกัญชงที่มี CBD สูงถึง 18% และน่าจะเป็นสายพันธุ์แรกที่มีการวิจัยพัฒนา" นาย กฤษณ์ กล่าว
นายกฤษณ์ กล่าวต่อว่า การปลดล็อกกัญชา ทาง GTG มุ่งเน้นทำ CBD และได้รับความเชื่อถือจากองค์กรเภสัชที่จะเป็นเคสศึกษา ในการร่วมกันผลิตส่งกัญชาทางการแพทย์ไปเยอรมัน ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า
"การปลดล็อกกัญชาทำให้ใบอนุญาตการปลูกเดิมของเราแทบจะเป็นศูนย์ เพราะเป็นแค่จดแจ้งแล้ว หรืออาจต้องรอกฎหมายลูกออกมา แต่แน่นอนสิ่งที่ยังมีอยู่เป็นใบอนุญาตสกัด จะถูกควบคุมมากขึ้น ในขณะเดียวกันถ้าถามว่าการลงทุนของเราสูญเสียไปหรอที่เราถูกปลดล็อก ซึ่งไม่เลย เพราะตลอดสองสามปีที่ผ่านมา เราได้ทำวิจัยไปพัฒนา จนตอนนี้เราพร้อมที่จะออกสู่ตลาด เมื่อปลดล็อกเกิดขึ้นแล้ว ผู้ใช้มีความสบายใจมากขึ้น ในขณะเดียวกันปลดล็อกช่อดอก ก็สามารถทำให้เราส่งช่อดอก CBD ไปให้กับคลินิกสปา แผนแพทย์ไทย ได้อย่างสะดวกขึ้นและถูกต้องตามกฎหมาย" นาย กฤษณ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม GTG มีความตั้งใจที่จะเป็น ไบโอเทค ยูนิคอร์น เพราะฉะนั้น GTG ไม่สามารถไปยุ่งกับกัญชาสายพันธุ์ที่ผิดกฎหมายอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา เทียบเหมือนขายโคเคน ขายอาวุธเถื่อน ไม่สามารถเอาเงินไปฝากในบัญชีที่เกี่ยวข้องกับสหรัฐอเมริกาได้ เพราะฉะนั้น GTG ตั้งใจจะเป็นตลาดหลักทรัพย์ ที่มีกองทุน สถาบันการเงินร่วมลงทุนกับ GTG ได้
สำหรับผู้ที่มีปัญหาทางการนอน ผู้ที่ต้องการใช้ CBA เพื่อรักษาสะเก็ดเงินสะเก็ดทอง ตรงนี้เพียงพอต่อความต้องการของ GTG เราไม่ใช่บริษัทใหญ่ที่ต้องนำคนมาทดลองใช้เป็นล้านคน เราจึงค่อนข้างแตกต่าง โดยตลาดไทยของเราใน CBD เป็นตลาดรองตั้งแต่แรก เราทำเพื่อจะส่งและเทียบราคาการผลิตของสิ่งที่มีมาตรฐาน สามารถส่งออกไปยุโรปได้ เรามีต้นทุนต่ำกว่าที่ผลิตในยุโรปถึง 3 เท่า โดยในประเทศทางเราจะเน้นทางการแพทย์ เครื่องสำอางค์ เป็นหลัก
นายกฤษณ์ กล่าวว่า แผนการขยายปลูก ตอนนี้ทาง GTG ตั้งแต่เริ่มต้นมาจนสายพันธุ์ ทุกอย่างคงที่ ก็กำลังจะเปิดรับ Contract Farming หรือรับคนที่อยากจะมาร่วมปลูกกับ GTG เป็นรูปแบบที่มาตรฐาน และนำส่งกลับทาง GTG นำไปแปรรูปส่งออก และรับรองการลงทุนขั้นต่ำ ให้มีการคือทุนได้อย่างชัดเจน
"ทั้งนี้ เป้าหมายของ GTG ชัดเจนตั้งแต่ลงมือทำว่าต้องการที่จะส่งออกประเทศโซนยุโรป โดยเริ่มจากเยอรมัน และไปต่อประเทศอื่นๆ ที่มีความต้องการ ซึ่งตอนนี้ถือว่าเป็นไปตามแผน เดินหน้าไปเรื่อยๆ โดยในปีนี้มีการจะเตรียมการส่งออก และในปี 2566 จะมีการเริ่มส่งออกอย่างเต็มตัว" นายกฤษณ์ กล่างทิ้งท้าย
ในเรื่องของการปลดล็อกกัญชานั้น เป็นการนำมาใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ดูแลสุขภาพ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและรายได้ประชาชน เช่น ทำเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์อาหาร สมุนไพร ตำรับยาไทยมากถึง 1.181 รายการ ผลวิจัยคาดว่าปี 2569 ตลาดกัญชงจะเจริญเติบโตและมีมูลค่ามากถึง 1.5 หมื่นล้านบาท และอาจสร้างมูลค่าเศรษฐกิจมากกว่านี้ ประเมินตลาดกัญชาถูกกฎหมายทั่วโลกมีมูลค่ากว่า 5 แสนล้านบาท อัตราเติบโตมากกว่า 17% เป็นโอกาสคนไทยที่จะมีรายได้เสริม