“วิชัย”ประธานบอร์ด อคส.คนใหม่ กางแผนเพิ่มรายได้ให้องค์กร เล็งใช้ประโยชน์จากคลังสินค้า ที่ดิน การทำธุรกิจ เพื่อหารายได้ เล็งให้เอกชนเช่าพื้นที่ หรือร่วมทุน ทำโครงการ เหมือนร.ฟ.ท.ให้ “เซ็นทรัล” เช่า หวั่นไม่ทำอะไร ไม่เกิน 3 ปี ขาดสภาพคล่อง องค์กรจะไปไม่รอด
นายวิชัย โภชนกิจ ประธานคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (บอร์ด อคส.) เปิดเผยว่า บอร์ด อคส.ชุดนี้ ซึ่งเป็นกรรมการใหม่ทั้งหมด ได้มีการประชุมนัดแรก หลังเข้ารับตำแหน่งแล้ว โดยได้มีการประเมินสถานะของ อคส. ในปัจจุบัน ทรัพย์สินที่ อคส. มีอยู่ ทั้งคลังสินค้า ที่ดิน เพื่อประเมินแนวทางการสร้างรายได้ การพิจารณารูปแบบการทำงานหรือการทำธุรกิจในปัจจุบันเป็นอย่างไร และจำนวนบุคลากรที่มีอยู่ เพื่อทำแผนในการขับเคลื่อน อคส. ให้มีรายได้เพียงพอ ที่จะเลี้ยงองค์กรได้ในระยะยาว เพราะหากพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน หาก อคส. ไม่ทำอะไร องค์กรจะอยู่ได้อีกไม่เกิน 3 ปี ก็จะขาดสภาพคล่อง เพราะไม่มีรายได้เข้ามาเติม เงินที่มีอยู่ ก็จะหมดไปเรื่อย ๆ ถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนี้ อคส.มีปัญหาแน่ จึงต้องหาทางออก หาทางเพิ่มรายได้ โดยใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินที่ อคส. มีอยู่ รวมทั้งการทำธุรกิจใหม่ ๆ ที่จะช่วยเพิ่มรายได้ให้เพียงพอกับรายจ่าย โดยเฉพาะค่าจ้างพนักงาน
สำหรับแนวทางการเพิ่มรายได้ ต้องพิจารณาใช้จุดแข็งที่ อคส. มีอยู่ อย่างคลังสินค้า ที่เด่น ๆ ก็คลังสินค้า 2 ราษฎร์บูรณะ และคลังสินค้า 1 ธนบุรี ซึ่งถือเป็นไข่แดง และตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพมาก อยู่ใจกลางเมือง สามารถที่จะพัฒนาเพิ่มได้ ก็ต้องดูว่าจะทำอะไรได้ โดยต้องดูให้เหมาะกับพื้นที่ เพราะพื้นที่ตรงนั้น ทำโรงงานไม่ได้ เป็นพื้นที่อยู่อาศัย แต่ทำธุรกิจได้ ซึ่งอาจจะใช้วิธีให้เอกชนเช่า แล้วพัฒนาพื้นที่ หรือร่วมลงทุนกับเอกชน ใช้สิทธิ์แปลงทรัพย์สินเป็นหุ้น แต่ อคส. ต้องไม่เข้าไปบริหารเอง ให้เอกชนบริหาร เหมือนที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ให้เซ็นทรัลเช่าพื้นที่ทำห้างสรรพสินค้าและโรงแรมที่ลาดพร้าว แบบนี้ จะมีรายได้เข้ามาตลอด
ส่วนพื้นที่ดินเปล่า พื้นที่คลังสินค้าในต่างจังหวัด มีแนวทางในการให้เอกชนเช่า เช่น ให้ผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมัน เช่าพื้นที่ทำปั๊มน้ำมัน หรือให้ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ เช่าพื้นที่ทำศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้า เพื่อรองรับการเติบโตของการค้าออนไลน์ ซึ่งได้ให้แนวทางไปแล้ว ให้เชิญผู้ประกอบธุรกิจโลจิสติกส์เข้ามาหารือ และหากทำสำเร็จ ก็จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับพื้นที่ และเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินให้ อคส.ในที่สุด
ทางด้านการเพิ่มรายได้อื่น ๆ ผอ.อคส. ได้รายงานมาแล้วว่ามีแนวทางที่จะเพิ่มรายได้จากการใช้ยุทธศาสตร์แก้มลิง++ ผ่านการเพิ่มจำนวนสาขาของคลังสินค้า อคส. ทั้งในและต่างประเทศ การเข้าไปช่วยเหลือเกษตกรปลูกข้าวขายแป้ง ปลูกมะพร้าวขายกะทิ การจำหน่ายข้าวถุงตรา อคส. เป็นต้น ซึ่งได้มอบนโยบายให้ช่วยเหลือสินค้าเกษตรอื่น ๆ ที่อยู่นอกเหนือโครงการประกันรายได้ หรือโครงการช่วยเหลือของรัฐบาลเพิ่มเติมด้วย
ทั้งนี้ ยังได้เร่งรัดให้เคลียร์ข้าวที่อยู่ในโครงการรับจำนำให้จบ ซึ่งปัจจุบันมีข้าวอยู่ในคลังกว่า 2 แสนตัน ต้องเร่งระบายให้หมด และเร่งปิดบัญชีโครงการของรัฐที่ยังปิดไม่เสร็จให้เสร็จโดยเร็ว รวมถึงการสะสางคดีทุจริต ทั้งโครงการจำนำข้าว โครงการจำนำอื่น ๆ และคดีทุจริตถุงมือยาง ที่ปัจจุบัน หลาย ๆ คดีได้เข้าสู่ขั้นตอนของตำรวจ ศาล และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้ว ต้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิด และตามผลประโยชน์ของรัฐกลับคืนมา