“จุรินทร์” ถก กรอ.พาณิชย์ภาคใต้ เคาะ 7 มาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เตรียมแผนรับมือผลไม้ ดันจังหวัดใต้เป็นฮับอาหารฮาลาล ส่งเสริมส่งออกสมุนไพร ช่วยลดต้นทุนขนส่งให้ผู้ค้าออนไลน์ หนุนจัดสตรีทฟูดที่กระบี่ ช่วยพังงาสร้างคาแรกเตอร์โปรโมตจังหวัด และดันเมืองปศุสัตว์ เมืองผลไม้ แก้ปัญหาด่านชายแดน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) ภาคใต้ ที่โรงแรมบุรีศรีภู คอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ถนนศรีภูวนารถ ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ว่าเป็นการประชุมในส่วนภูมิภาคเป็นครั้งแรก จากนี้จะมีการประชุมในส่วนของภาคกลางที่ จ.ระยอง ภาคเหนือที่ จ.พิษณุโลก และภาคอีสานที่ จ.อุบลราชธานี หรือ จ.นครราชสีมาต่อไป เพื่อลงลึกการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์ ส่วนราชการอื่น และภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด และลงลึกถึงการแก้ปัญหาในระดับภาคมากขึ้น
สำหรับประเด็นสำคัญที่ได้มีหารือ ได้แก่ 1. การกระจายผลไม้ภาคใต้ ที่กำลังจะออกสู่ตลาด 2-3 เดือนที่จะถึงนี้ โดยตลาดในประเทศจะเพิ่มพื้นที่ระบายผลไม้ในปั๊มน้ำมันทั่วประเทศ เช่น ปตท. เชลล์ บางจาก และพีที เป็นต้น และประสานงานกับห้างสรรพสินค้าต่างๆ จัดพื้นที่ระบายผลไม้ภาคใต้ มอบหมายให้แต่ละจังหวัดดำเนินการจัดพื้นที่จำหน่ายผลไม้ ส่วนการเปิดตลาดต่างประเทศ จะเร่งรัดการส่งออกผลไม้ไปจีน กลุ่มอาเซียน และตลาดใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง และอินเดีย เป็นต้น
เรื่องที่สอง การส่งเสริมสนับสนุนให้จังหวัดชายแดนใต้เป็นครัวโลกด้านอาหารฮาลาลในอนาคต ได้มีการคัดสินค้าที่มีศักยภาพจังหวัดละ 20 รายการ และจะเพิ่มให้เป็น 200 รายการต่อไป ในส่วนของอาหารดำเนินการให้จังหวัดชายแดนใต้เป็นฮับอาหารฮาลาลในประเทศและส่งออกไปยังต่างประเทศ
เรื่องที่สาม ส่งเสริมตลาดสมุนไพรไทย ซึ่งที่ประชุมเสนอว่าประเทศคู่ค้าที่ควรพุ่งเป้าควรเป็นภูฏาน ตนรับจะไปหารือกับรัฐมนตรีพาณิชย์ของภูฏานในวันที่ 29 เม.ย. 2565 ที่ จ.ภูเก็ต ที่จะมีการประชุม JTC ไทย-ภูฏาน (การประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า หรือ Joint Trade Committee) ให้ภูฏานเป็นช่องทางการตลาดอีกตลาดหนึ่งสำหรับสินค้าสมุนไพรไทย
เรื่องที่สี่ สมาพันธ์เอสเอ็มอีต้องการให้การค้าออนไลน์ของผู้ค้ารายย่อยลดต้นทุนการขนส่ง โดยเฉพาะค่าไปรษณีย์ ตนขอไปหารือกับที่ประชุม กรอ.พาณิชย์ ส่วนกลางกับผู้บริหารบริษัทโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้องต่อไป
เรื่องที่ห้า จังหวัดกระบี่ขอจัดกิจกรรมกระบี่สตรีทฟูด ได้มอบให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยสนับสนุนการจัดงานนี้ให้เดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามาแล้ว
เรื่องที่หก พังงาขอให้สนับสนุนการสร้างแบรนด์และคาแรกเตอร์ของความเป็นพังงาเพื่อโปรโมตจังหวัดและสินค้าที่ผลิตใน จ.พังงา ได้มอบให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาประชุมหารือหาทางสนับสนุน เพื่อโปรโมตจังหวัดต่อไป ทั้งการท่องเที่ยวและการจำหน่ายสินค้า
เรื่องที่เจ็ด ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จะเดินหน้าใน 3 เรื่อง 1. ต้องการให้จังหวัดชายแดนใต้เป็นเมืองปศุสัตว์ ซึ่งได้กำหนดช่วงเวลาปี 2565-69 ใช้งบประมาณ 700 ล้านบาท กำลังทำแผนเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบต่อไป และกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ที่ตนรับผิดชอบ เตรียมงบประมาณช่วยสนับสนุนให้จังหวัดชายแดนใต้เลี้ยงโคจำนวน 30,000 ตัว งบประมาณ 818 ล้านบาท ประกอบด้วย ปัตตานี 9,720 ตัว ยะลา 6,480 ตัว นราธิวาส 10,560 ตัว เพื่อเดินหน้าให้จังหวัดชายแดนใต้เป็นเมืองปศุสัตว์ 2. สนับสนุนให้เป็นเมืองผลไม้ ขยายพื้นที่ปลูกผลไม้สำคัญจำนวน 400,000 ไร่ เฉลี่ยปีละ 50,000 ไร่ เพื่อทำรายได้ให้แก่เกษตรกรจังหวัดชายแดนใต้ เช่น ทุเรียน เป็นต้น 3. การเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดน ที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยขับเคลื่อนเชื่อมด่านสะเดากับฝั่งมาเลเซียอีกช่องทางหนึ่ง นอกจากด่านที่มีในปัจจุบัน โดยมีอุปสรรคในการหาจุดทำถนนเชื่อมระหว่าง 2 ประเทศ ขณะนี้ฝ่ายไทยมีข้อยุติว่าจะใช้จุดไหน ศอ.บต.เตรียมการเสนองบประมาณ 251 ล้านบาทเข้า ครม.เพื่อของบกลางในปี 2565 จัดทำถนน 850 เมตร ไปฝั่งมาเลเซียเสร็จปลายปี 2566 ในส่วนของมาเลเซียเดือน ส.ค. 2565 จะได้ข้อสรุปว่าจุดที่บรรจบจุดไหน จะมีส่วนช่วยในการเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนระหว่างกันได้เป็นจำนวนมหาศาล