อินเดียเตรียมเปิดใช้ท่าเรือน้ำลึกนานาชาติแห่งใหม่ในเมืองธิรูวานันทปุรัม รัฐเกรละ เดือนพ.ย.นี้ แนะผู้ประกอบการไทยศึกษา เดินทางไปสำรวจลู่ทาง และพบปะกับนักธุรกิจ เพื่อหาหุ้นส่วนในการเปิดตลาดอินเดียใต้ และเจาะทะลุไปยังตะวันออกกลาง แอฟริกา และยุโรป เผยธุรกิจก่อสร้างและบริการตกแต่ง ก็มีโอกาส รองรับการเติบโตของเมือง
น.ส.สุพัตรา แสวงศรี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมุมไบ อินเดีย เปิดเผยถึงการติดตามโอกาสทางการค้าของไทยในตลาดอินเดีย ตามนโยบายที่ได้รับจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ว่า สำนักงานฯ ได้ติดตามการเตรียมการเปิดใช้ท่าเรือน้ำลึกในอินเดียใต้ ซึ่งเป็นฐานการผลิตแห่งใหม่เพื่อส่งออกไปตะวันออกกลาง โดยพบความคืบหน้า คือ ในเดือนพ.ย.2565 อินเดียจะเริ่มเปิดใช้ท่าเรือน้ำลึกนานาชาติแห่งใหม่ในเมืองธิรูวานันทปุรัม รัฐเกรละ ซึ่งอยู่บริเวณตอนใต้สุดของอินเดีย โดยมีชื่อว่า Vizhinjam International Deepwater Multipurpose Seaport ดำเนินการก่อสร้างและบริหารงานภายใต้สัมปทานโดยบริษัท Adani Vizhinjam Ports Ltd (AVPL) ซึ่งท่าเรือดังกล่าวได้เลื่อนการเปิดทำการมาตั้งแต่ปลายปี 2562 อันเนื่องมาจากภาวะโรคระบาดและปัจจัยทางการเมืองในท้องถิ่น
สำหรับบทบาทสำคัญของท่าเรือ Vizhinjam คือ การเป็นท่าเรือหลักของการขนส่งสินค้าระหว่างทวีป เพื่อการเชื่อมโยงการผลิตและการค้าระหว่างตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (East-West Shipping Route) ซึ่งการมีท่าเรือจะลดการพึ่งพาท่าเรือในเมืองดูไบ สิงคโปร์ และโคลัมโบของศรีลังกา และใช้สำหรับการขนถ่ายสินค้าจำนวนมาก (Transshipment) โดยเฉพาะวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางที่นำมาต่อยอดในอุตสาหกรรมและส่งออกจากอินเดียใต้ รวมทั้งเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายสินค้าที่เกิดจากการถ่ายลำที่ศรีลังกา ทั้งนี้ สินค้าที่คาดว่าจะใช้ประโยชน์จากท่าเรือVizhinjam ได้แก่ อุตสาหกรรมรถยนต์ และอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปเพื่อส่งออกไปยังตลาดในตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทย ควรศึกษาข้อมูล รวมถึงเดินไปสำรวจลู่ทาง และพบปะกับนักธุรกิจในเมืองธิรูวานันทปุรัม โดยเฉพาะสตาร์ทอัปที่มีอยู่จำนวนมากในรัฐนี้ เพื่อเป็นหุ้นส่วนและพันธมิตรในการเปิดตลาดในอินเดียใต้ รวมถึงการนำสินค้าไทยไปต่อยอดการผลิตและส่งออกไปยังตะวันออกกลาง แอฟริกา และยุโรป เช่น อุตสาหกรรมอาหารฮาลาล เครื่องสำอางและเครื่องประทินผิว และภาชนะ บรรจุภัณฑ์ชีวภาพ
ขณะเดียวกัน การสร้างท่าเรือ Vizhinjam จะทำให้เกิดเมืองท่าแห่งใหม่ ซึ่งหมายถึงการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม (Special Economic Zones) ที่พักอาศัย คลังสินค้า ย่านการค้าและความต้องการใช้บริการต่าง ๆ ตามมา ซึ่งเป็นโอกาสของธุรกิจบริการก่อสร้างและตกแต่งจากไทย รวมทั้งบริการโลจิสติกส์สินค้าเกษตรและอาหาร เพื่อลดการสูญเสียของวัตถุดิบและการขนส่งสินค้าฮาลาลไปยังตลาด GCC ที่มีกำลังซื้อสูง ผ่านผู้ประกอบการในรัฐเกรละที่มักมีเครือข่ายอยู่ในตะวันออกลาง