“จุรินทร์”ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าที่ห้างแม็คโคร เชียงใหม่ ยันสินค้าสำคัญ 18 หมวด ยังไม่มีการปรับขึ้นราคา และหลายรายการลดลง ส่วนหมูเนื้อแดง วันนี้ราคาเฉลี่ย 150 บาททั่วประเทศ ไก่ยังอยู่ในกำกับ อาจสูงบ้างบางช่วง ส่วนไข่ไก่ เฉลี่ย 3.54 บาทต่อฟอง น้ำมันปาล์มเฉลี่ยขวดละ 62.84 บาท รับต้นทุนสินค้าสูงขึ้นจากผลกระทบวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน ต้องปรับราคา แต่จะให้กระทบผู้บริโภคน้อยสุด พร้อมย้ำตรวจเข้มช่วงสงกรานต์ ใครฉวยโอกาสเล่นงานตามกฎหมาย
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้า ที่ห้างแมคโคร สาขาแม่ริม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ว่า ที่มาห้างแมคโคร เพราะสะดวกในการสุ่มตรวจ ไม่ได้แปลว่าไม่สนใจตลาดสด ตลาดนัด เราสนใจทุกที่ เพราะมีพาณิชย์จังหวัดลงพื้นที่ตรวจตลาดทุกระดับในทุกจังหวัดและรายงานตนทุกวัน และตนติดตามทุกวัน ซึ่งตอนนี้ต้องถือว่าสินค้าหมวดสำคัญ 18 หมวดที่เป็นนโยบายให้ติดตามโดยใกล้ชิด เพราะสำคัญต่อชีวิตประจำวัน ราคายังไม่มีการปรับขึ้น แต่หลายรายการปรับลดลง และมีการจัดโปรโมชันในห้างสรรพสินค้าใหญ่หลายรายการ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ลด 50% หลายรายการ ทั้งพัดลม หม้อหุงข้าวไฟฟ้า หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่สำคัญในชีวิตประจำวัน การไม่ขึ้นราคาพัดลมในหน้าร้อน ก็ถือว่าไม่ฉวยโอกาสค้ากำไรเกินสมควร เราเฝ้าติดตามและกำกับมาตลอด ส่วนสินค้าอื่นยังไม่อนุญาตให้ขึ้นราคา บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เข้าใจว่าจะปรับขึ้นราคา ขณะนี้ยังไม่มีการขึ้นราคา และราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยังอยู่ที่ซองละ 6 บาท และที่แมคโครขายส่ง ซองละ 5.10 บาท ทุกอย่างยังอยู่ในราคากำกับ แต่ถัดจากนี้ไป ต้องยอมรับความจริงว่าต้นทุนการผลิตสินค้าสูงขึ้น
ส่วนราคาอาหารสด ยังสามารถตรึงราคาไว้ได้ เช่น หมูเนื้อแดงที่เคยเป็นห่วงก่อนหน้านี้ว่าจะขึ้นราคาถึงกิโลกรัมละ 300 บาท แต่ไม่เป็นอย่างนั้น เพราะมาตรการที่ถูกทิศทางของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐบาล ตอนนี้หมูเนื้อแดง ราคาเฉลี่ย 150 บาท/กิโลกรัม (กก.) ทั่วประเทศ ถือว่าอยู่ในราคาที่กำกับ แต่สำหรับห้างแมคโคร วันนี้กิโลกรัมละ 135 บาท อยู่ในระดับราคานี้เป็นเดือนแล้ว แต่สถานที่ไกล ๆ ก็อาจจะแพงกว่านี้เพราะหมูมีน้อย อาจขายราคาสูงขึ้น แต่เฉลี่ยแล้วทั่วประเทศ คือ 150 บาท และไก่อยู่ในราคากำกับ อาจสูงขึ้นบ้างบางช่วง 1-2 บาท/กก. ซึ่งยังอยู่ในราคาที่กำกับ โดยเฉพาะไข่ไก่ที่ปรากฏเป็นข่าวเมื่อ 2-3 วันว่าจะปรับราคาขึ้น ขณะนี้เจรจาจบเป็นที่ยุตติว่ายังตรึงราคาไข่คละหน้าฟาร์มไว้ที่ไม่เกินฟองละ 3.20 บาท ทำให้อยู่ในระดับที่ผู้บริโภครับได้ เฉลี่ย 3.54 บาท/ฟอง ทั้งประเทศ ไข่ไก่เบอร์ 3 ที่แมคโคร ราคา 3.40 บาท/ฟอง
สำหรับน้ำมันพืช น้ำมันปาล์ม ราคาเฉลี่ยทั่วประเทศ น้ำมันปาล์ม ขวดละ 62.84 บาท และที่ห้างโลตัส 62 บาท บิ๊กซี 60-62 บาท แมคโคร 64-66 บาท น้ำมันถั่วเหลือง เฉลี่ยอยู่ที่ 61.19 บาท/ขวด ที่โลตัส 55-60 บาท บิ๊กซี 59-60 บาท แมคโคร 61.50 บาท ผู้บริโภคคงรู้สึกว่าถ้าถูกกว่านี้ได้ก็ดี แต่อยู่ในระดับราคาที่ยังกำกับได้ เพราะผลปาล์มราคาสูงขึ้นมากที่เป็นต้นทุนการนำมาผลิตน้ำมันปาล์มขวดบริโภค เราพยายามดูอย่าให้น้ำมันขาดแคลนและไม่ให้ราคาสูงจนเกินไป ราคาเฉลี่ย 62 บาท ถือว่าผู้บริโภคเห็นใจและพอเข้าใจได้
อย่างไรก็ตาม ในอนาคตที่เราประสบปัญหาเช่นเดียวกับหลายประเทศในโลก จากผลกระทบของสงครามของรัสเซีย-ยูเครน ที่มีผลกระทบต่อราคาน้ำมันมาก ซึ่งเป็นต้นทุนการผลิตของสินค้าหลายชนิด และมีผลต่อภาวะเงินเฟ้อทั่วโลก ขณะนี้ประเทศไทยหนีไม่พ้นเงินเฟ้อ ของจะมีราคาสูงขึ้น กระทรวงพาณิชย์กับหลายหน่วยงานพยายามกำกับ ซึ่งจะกระทบไปถึงค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส ที่เป็นต้นทุนการผลิตสินค้าทั้งสิ้น แต่นโยบายตนมอบไปแล้วว่าจะต้องดูเป็นกรณี เป็นหมวดสินค้าว่าต้นทุนสูงจริงหรือไม่ โดยไม่ต้องขึ้นราคาให้ผู้บริโภคเดือดร้อน แต่บางรายการอาจมีความจำเป็นต้องปรับลด ให้กรมการค้าภายในได้เป็นผู้พิจารณาร่วมกับผู้ประกอบการต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าในช่วงสงกรานต์ จะมีการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ไม่มีสิทธิ์ที่อยู่ ๆ จะมาขึ้นราคา ถ้าขึ้นราคาจนกลายเป็นการค้ากำไรเกินควร ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ข้อหาค้ากำไรเกินควร พาณิชย์จังหวัดจะคอยตรวจตรา และขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา ถ้าที่ไหนขึ้นราคาเกินพอดี และรู้สึกเอารัดเอาเปรียบมากไป ให้แจ้งสายด่วน 1569 จะมีผู้รับสาย และช่วงดึกจะมีการบันทึกสายไว้ และสั่งการให้พาณิชย์จังหวัดตรวจสอบ ถ้าพบความผิดจริงจะดำเนินคดี กระทรวงพาณิชย์จะช่วยดูแล ผู้บริโภคก็ช่วยเป็นหูเป็นตาให้อีกทางหนึ่ง รวมถึงกลุ่มบริการด้วย ถ้าผิดจะจัดการให้
ทางด้านสินค้าปุ๋ย ตนให้ปลัดกระทรวงเกษตรฯ กับปลัดกระทรวงพาณิชย์ประชุมร่วมกันเสร็จไปแล้ว มีความเห็นเบื้องต้น แต่ยังไม่ใช่ข้อยุติที่จะแก้ปัญหาราคาปุ๋ย และราคาอาหารสัตว์ที่สูงขึ้น เบื้องต้นขณะนี้อาหารสัตว์ขาดแคลน มีราคาสูงขึ้น เพราะธัญพืชสำคัญ 2 ตัว คือ ข้าวสาลีและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งข้าวโพดสามารถปลูกได้ในเมืองไทย แต่ปริมาณมีเพียง 50% อีก 50% ต้องหาจากที่อื่น ขณะนี้ราคาข้าวโพดในประเทศขึ้นสูงมาก จาก 6-8 บาท/กก. เป็น 11-12.50 บาท/กก. เกษตรกรพอใจมาก แต่ผู้ประกอบการธุรกิจอาหารสัตว์ เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ ก็ร้อง เพราะทำให้ต้นทุนอาหารสัตว์แพง ขณะเดียวกันข้าวสาลี ก็เป็นอีกวัตถุดิบหนึ่งที่จำเป็น ซึ่งข้าวสาลีผลิตมากในยูเครนเมื่อเกิดสงครามส่งออกไม่ได้ปริมาณข้าวสาลีในตลาดโลก ราคาก็ขึ้นสูงมาก เรานำเข้าข้าวสาลีเป็นต้นทุนอาหารสัตว์ที่แพงขึ้นมาก จะปรับสัดส่วนที่ให้ผู้ประกอบการอาหารสัตว์ไทยนำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วน ต้องมาซื้อข้าวโพด 3 ส่วน หรือ 3 ต่อ 1 ยังควรคงไว้ไหม หรือปรับเงื่อนไขอย่างไร เพื่อให้มีการนำเข้าข้าวสาลีได้สะดวกขึ้นมาทดแทนข้าวโพดที่ไม่พอใช้ และจะทำให้ต้นทุนอาหารสัตว์ลดลง หรือปรับข้าวโพดอย่างไร ต้องดำเนินการตามขั้นตอน และถ้าต้องเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณา ตนจะนำเข้า ครม. ต่อไป