กรมการค้าภายในเผย “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” ขึ้นแค่ราคาขายส่ง ไม่ได้ขึ้นราคาขายปลีก ผู้บริโภคไม่กระทบ นมสด นมข้นหวานกระป๋อง ขอดูโครงสร้างต้นทุนก่อน รวมถึงปุ๋ยเคมีที่จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ส่วนสินค้าอื่นๆ หากต้องการปรับขึ้นราคา ต้องทำเรื่องเสนอเข้ามาก่อน ด้านวัตถุดิบอาหารสัตว์ กำลังพิจารณาข้อเสนอทุกข้อ ก่อนนำเสนอคณะกรรมการที่กำกับดูแลตัดสินใจ
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงกรณีที่มีข่าวผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเตรียมปรับขึ้นราคาขายเพราะต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้นว่า กรมฯ ได้หารือกับผู้ผลิตและได้รับการแจ้งว่าเป็นการปรับขึ้นราคาขายส่งที่ส่งให้กับร้านค้า หรือเป็นการลดส่วนลดทางการค้าที่ผู้ผลิตให้กับร้านค้า ไม่มีผลทำให้ราคาขายปลีก ซึ่งเป็นราคาปลายทางสู่ผู้บริโภคปรับขึ้น โดยผู้ผลิตยืนยันว่าจะยังให้ความร่วมมือกระทรวงพาณิชย์ ตรึงราคาขายต่อไปจนกว่าสถานการณ์ต่างๆ จะคลี่คลาย เพื่อลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชน
ส่วนกรณีที่ผู้ผลิตนมสด และนมข้นหวานกระป๋องรายใหญ่เตรียมปรับขึ้นราคาขายในเดือน มี.ค.-เม.ย. 2565 เพราะต้นทุนเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะทินเพลต (เหล็กทำกระป๋องบรรจุ) มีราคาสูงขึ้น กรมฯ จะต้องพิจารณาโครงสร้างต้นทุนก่อนว่าเพิ่มจริงหรือไม่ หากเพิ่มขึ้นจริง เพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใด โดยต้องพิจารณาอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม เพื่อให้ทุกฝ่ายอยู่รอดได้
ทางด้านสินค้าปุ๋ยเคมี ที่สมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจเกษตรไทยทำหนังสือถึงกระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอให้ยกเลิกมาตรการตรึงราคา หลังราคาปรับสูงขึ้นเพราะผลของราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และรัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลก ได้ประกาศห้ามส่งออกปุ๋ยนั้น กรมฯ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดร่วมกับผู้ค้ามาโดยตลอด และขณะนี้ยังอยู่ในช่วงขอความร่วมมือตรึงราคาขาย หากจะมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ คงต้องพิจารณาร่วมกันอย่างละเอียด รอบคอบที่สุด เพื่อให้ทุกฝ่ายไม่ได้รับผลกระทบ หรือได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
สำหรับสินค้าอื่นๆ หากจะขอปรับขึ้นราคาขายเพราะต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น ก็ต้องทำเรื่องมาที่กรมฯ และจะพิจารณาเป็นรายๆ ไป โดยยืนยันว่าขณะนี้ยังอยู่ในช่วงขอความร่วมมือผู้ผลิตตรึงราคาขาย และกระทรวงพาณิชย์ยังไม่มีนโยบายให้ปรับขึ้นราคาขาย โดยเฉพาะสินค้าใน 18 กลุ่ม เช่น เนื้อสัตว์ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปุ๋ยเคมี ยากำจัดหรือปราบศัตรูพืช เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ผู้ประกอบการให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
นายวัฒนศักย์กล่าวว่า สถานการณ์ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่เพิ่มขึ้น เพราะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ซึ่งเป็นผู้ส่งออกธัญพืชรายใหญ่ ขณะนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการหารือเพื่อหามาตรการลดผลกระทบให้แก่ผู้ผลิตอาหารสัตว์ และกลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์ โดยผู้ผลิตอาหารสัตว์มีหลายข้อเสนอที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือ ทั้งลดภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือง ที่ปัจจุบันเก็บที่ 2% ลดสัดส่วนการนำเข้าข้าวสาลีต่อการซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ ที่ปัจจุบันกำหนด 3 ต่อ 1 และขยายเวลาการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้าน ที่กำหนดเดือน ก.พ.-ก.ย.ของทุกปี เป็นต้น
ทั้งนี้ จะต้องพิจารณาผลดี ผลเสียของทุกข้อเสนอ รวมถึงหากเห็นชอบให้ใช้ข้อเสนอใด้แล้ว ผู้ผลิตอาหารสัตว์ต้องมีมาตรการช่วยเหลือกลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์ หรือเกษตรกรผู้ปลูกวัตถุดิบอาหารสัตว์ในประเทศ เช่น ข้าวโพด ไม่ให้ได้รับผลกระทบด้วย โดยหากได้ข้อสรุปแล้ว จะเสนอให้คณะกรรมการนโยบายสินค้าเกษตรแต่ละชนิด รวมถึงคณะกรรมการนโยบายอาหาร พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป