xs
xsm
sm
md
lg

“ศักดิ์สยาม” สั่งเร่งปรับปรุงทางรถไฟและสะพานรับน้ำหนัก 20 ตัน/เพลา เพิ่มประสิทธิภาพขนส่ง 20%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ศักดิ์สยาม” เร่งอัปเกรดทาง/สะพานรถไฟทั่วประเทศรับน้ำหนักกดลงเพลา 20 ตัน/เพลา เพิ่มขีดความสามารถขนส่งสินค้าอีก 20% พร้อมเช็กสภาพรถจักรใช้งานได้ 219 คัน สั่ง รฟท.เร่งทำแผนจัดหาหัวรถจักรและล้อเลื่อนเพิ่ม

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุม เรื่อง การเตรียมการรองรับการเดินรถไฟขนส่งสินค้า น้ำหนักกดลงเพลา 20 ตัน/เพลา ว่า ปัจจุบันเส้นทางรถไฟซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้มีการก่อสร้างปรับปรุงทางรถไฟให้สามารถรองรับรถจักรบรรทุกสินค้าขนาด 20 ตัน/เพลาแล้ว เช่น เส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ (กรุงเทพฯ-หนองคาย) สายตะวันออก (กรุงเทพฯ-ระยอง) และสายเหนือ (กรุงเทพฯ-เชียงใหม่) 

ทั้งนี้ ยังมีสะพานรถไฟในบางสายทางยังไม่ได้รับการปรับปรุงให้รองรับน้ำหนักกดลงเพลา 20 ตัน/เพลา โดยเฉพาะในเส้นทางสายใต้ ซึ่งสะพานรถไฟส่วนใหญ่รองรับน้ำหนักบรรทุกได้เพียง 16 ตัน/เพลา และมีสะพานรถไฟซึ่งถึงกำหนดต้องบำรุงรักษาตามระยะเวลา เช่น สะพานหอในสายเหนือ 2 แห่ง ที่จังหวัดลำปาง สะพานรถไฟสายใต้ จำนวน 8 แห่ง ที่จังหวัดชุมพร จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดนครศรีธรรมราช และสะพานรถไฟสายวงเวียนใหญ่-มหาชัย จำนวน 19 แห่ง และสะพานรถไฟช่วงหนองปลาดุก-สุพรรณบุรี จำนวน 23 แห่ง

กระทรวงคมนาคมจะเร่งรัดดำเนินการปรับปรุงสะพานรถไฟดังกล่าว โดยเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณใช้งบประมาณปี 2566 ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนที่เดินทางด้วยรถไฟได้รับความปลอดภัยสูงสุดและลดระยะเวลาในการเดินทาง รวมทั้งส่งเสริมการขนส่งสินค้า ให้รองรับปริมาณการขนส่งที่เพิ่มขึ้น จากเดิมรถจักรน้ำหนักกดลงเพลา 16 ตัน/ เพลา รองรับการขนส่งสินค้าได้ขบวนละ 2,100 ตัน หากปรับปรุงสะพานรถไฟให้รองรับการใช้รถจักรน้ำหนักกดลงเพลา 20 ตัน/เพลาจะรองรับเพิ่มขึ้นเป็นขบวนละ 2,500 ตัน หรือเพิ่มขึ้น 20% และสามารถใช้ความเร็วผ่านสะพานได้สูงสุดถึง 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากเดิมที่รถจักรจะผ่านสะพานรถไฟด้วยความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

สำหรับสะพานรถไฟในส่วนที่เหลือ จะดำเนินการขอรับการจัดสรรงบประมาณปี 2567-2569 ตามลำดับความจำเป็นในการปรับปรุง สะพานรถไฟทั่วประเทศให้รองรับน้ำหนักบรรทุก 20 ตัน/เพลา ส่วนสะพานที่อยู่ในเส้นทางที่มีแผนก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 นั้นจะดำเนินการปรับปรุงสะพานให้รองรับน้ำหนัก 20 ตัน/เพลาไปพร้อมกัน

ส่วนของสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ จ.หนองคายนั้น ให้ รฟท.ตรวจสอบข้อมูลว่าสะพานที่จะออกแบบใหม่รองรับ 20 ตัน/เพลา เพียงพอหรือไม่ และให้ประสานข้อมูลว่าสะพานในโครงการรถไฟลาว-จีน ออกแบบรองรับกี่ตัน/เพลา เพื่อให้มีความสอดคล้องและรองรับปริมาณการขนสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พรอมกันนี้ให้ รฟท.พิจารณาตรวจสอบว่า สะพานรถไฟในประเทศไทยมีจุดใดที่ต้องดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซม และบำรุงรักษาอย่างเร่งด่วน เพื่อให้สามารถเดินรถได้อย่างปลอดภัย โดยให้พิจารณาขอรับการจัดสรรงบกลาง หรืองบประมาณเหลือจ่ายของ รฟท. และให้ดำเนินการภายในปี 2565

นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ในส่วนของรถจักรดีเซลไฟฟ้าของ รฟท.นั้น ปัจจุบันอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานจำนวน 219 คัน แบ่งเป็นรถจักรดีเซลไฟฟ้า (CSR) รุ่นใหม่ น้ำหนักกดลงเพลา 20 ตัน/เพลา จำนวน 20 คัน ใช้สำหรับขนส่งสินค้า

และรถจักรที่มีน้ำหนักกดลงเพลา 15-16 ตัน/เพลา ได้แก่ รถจักรดีเซลไฟฟ้า (GEA) จำนวน 36 คัน รถจักรดีเซลไฟฟ้า (Hitachi) จำนวน 21 คัน รถจักรดีเซลไฟฟ้า (Alsthom) จำนวน 97 คัน และรถจักรดีเซลไฟฟ้า (GE) จำนวน 45 คัน

รฟท.ได้ดำเนินการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้าพร้อมอะไหล่เพิ่มเติมอีก 50 คัน เพื่อทดแทนรถจักร GE เดิมที่มีอายุการใช้งานกว่า 55 ปื โดยรถจักรดีเซลไฟฟ้า 20 คันแรกจะมาถึงไทยกลางเดือนมกราคม 2565 ก่อนนำมาทดสอบ และจะนำมาวิ่งให้บริการได้ประมาณกลางปี 2565 และอีก 30 คันจะได้รับมาในปี 2566

รฟท.ยังอยู่ระหว่างติดตั้งระบบป้องกันการชนอัตโนมัติ หรือ ATP (Automatic Train Protection) ให้กับรถจักร CSR และ Alsthom จำนวน 70 คัน คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2566 ซึ่ง ATP จะช่วยควบคุมระยะห่างของขบวนรถแต่ละคันให้อยู่ในระยะที่ปลอดภัย กรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน รถจักรจะทำการเบรกอัตโนมัติ เป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้โดยสารมากยิ่งขึ้น ซึ่งสามารถนำมาใช้ในทางรถไฟร่วมกับรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชันได้อย่างปลอดภัย

นอกจากนี้ รฟท.ยังได้เตรียมประกวดราคาการปรับปรุงรถจักรให้มีสภาพใหม่ (Refurbish) รวมทั้งติดตั้งระบบ ATP ให้กับรถจักร GEA และ Hitachi อีก 57 คัน เพื่อยกระดับการให้บริการและเพิ่มความปลอดภัยให้กับประชาชนผู้โดยสารระบบรางต่อไป

นายศักดิ์สยามกล่าวว่า การจัดหารถจักรและล้อเลื่อนเพิ่มเติม ให้ รฟท.จัดทำข้อมูลโดยพิจารณาแนวทางการลงทุนหลากหลายรูปแบบ เช่น งบประมาณ เงินกู้ การ outsource ให้กับเอกชน หรือการให้เอกชนร่วมลงทุน (PPP) นอกจากนี้ ในการจัดหาหัวรถจักรให้พิจารณาเป็นหัวรถจักรไฟฟ้าหรือระบบไฮบริด (hybrid) โดยเฉพาะในย่านสถานีกลางบางซื่อ และให้ รฟท.จัดทำแผนปฏิบัติการ (action plan) ในการดำเนินงานรองรับการใช้งานสถานีกลางบางซื่อให้ชัดเจนด้วย




กำลังโหลดความคิดเห็น