xs
xsm
sm
md
lg

“ศักดิ์สยาม” สั่งเจ้าท่าเร่งศึกษาผุด “ท่าเรือมารีนา” รับนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ศักดิ์สยาม” สั่งเจ้าท่าเร่งศึกษาแผนผุด “ท่าเรือมารีนา” ดึงนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก คาด 2 ปีชัดเจน เผยต่างชาติสนใจร่วมลงทุน พร้อมลุย “เสริมทรายชายหาดบางเสร่” ฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยว

วันที่ 9 ธ.ค. 2564 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตรวจติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาชายฝั่งทะเลและสิ่งล่วงล้ำลำน้ำในพื้นที่จังหวัดชลบุรีที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมเจ้าท่า (จท.) พร้อมมอบให้ จท.เร่งพัฒนาท่าเรือสำราญขนาดใหญ่เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและขีดความสามารถด้านการท่องเที่ยวทางทะเลระหว่างประเทศของไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
.
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวว่า กรมเจ้าท่าได้จัดทำแผนการพัฒนาชายฝั่งทะเลด้านการเสริมทรายชายหาด (Beach Nourishment) เพื่อแก้ไขปัญหาการกัดเซาะ ฟื้นฟูพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว สร้างรายได้ และส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่ง จท.ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในการเสริมทรายฟื้นฟูชายหาดพัทยา จังหวัดชลบุรี ระยะทาง 2.8 กม. ตั้งแต่ชายหาดพัทยาเหนือ บริเวณหน้าโรงแรมดุสิตธานี ถึงชายหาดพัทยาใต้ บริเวณวอล์กกิ้งสตรีท แล้วเสร็จในปี 2562 และเป็นต้นแบบขยายโครงการต่อเนื่องไปในอนาคต ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินโครงการเสริมทรายชายหาดจอมเทียน จังหวัดชลบุรี ระยะที่ 1 ระยะทาง 3.6 กม. งบ 580 ล้านบาท (ปี 63-65) คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี 2565

ทั้งนี้ ตามแผนงานเสริมทรายชายหาดท่องเที่ยวในอีก 10 ปีข้างหน้า เช่น ชายหาดบางแสน ชายหาดสมิหลา ชายหาดชะอำ ชายหาดเขาหลัก ชายหาดบางเสร่ ชายหาดอ่าวดงตาล ชายหาดแสงจันทร์ ชายหาดปราณบุรี และชายหาดทรายรี เป็นต้น โดยใช้งบประมาณ 5,400 ล้านบาท ระยะทางรวมประมาณ 42 กม. โดยเร่งรัดแผนงานที่ชายหาดบางเสร่ ซึ่ง จท.กำลังจัดจ้างที่ปรึกษาศึกษาระยะทาง 1.5 กม. งบประมาณปี 2565 วงเงิน 18 ล้านบาท ระยะเวลาศึกษา 9 เดือน

การเสริมทรายชายหาดนอกจากจะเป็นการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะและฟื้นฟูชายหาดอย่างยั่งยืนแล้ว ยังช่วยส่งเสริม สนับสนุนภาคการท่องเที่ยว และสร้างรายได้เป็นจำนวนมากให้แก่ประเทศ เนื่องจากเทียบการลงทุน 1 บาทจะได้ผลตอบแทนถึง 37 บาท ในแง่ของเศรษฐกิจโดยรวม นอกจากนี้ ได้ให้กรมเจ้าท่าประสานกับกรมทางหลวง (ทล.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ในการทำถนนเชื่อมชายหาดเพื่อลดปัญหาจราจรด้วย ซึ่งจะเสนอของบประมาณในปี 2566 ต่อไป

@สั่งศึกษา ผุด “ท่าเรือมารีนา” รับนักท่องเที่ยววีไอพี

นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมจะเร่งพัฒนาให้ไทยเป็นศูนย์กลางการเดินเรือสำราญขนาดใหญ่ของภูมิภาคเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีกำลังจ่ายสูง เนื่องด้วยประเทศไทยมีชายฝั่งทะเลทั้งด้านอ่าวไทยและอันดามันรวมกว่า 3,000 กม. และมีทรัพยากรเกาะแก่ง แหล่งท่องเที่ยว และเมืองริมชายฝั่งที่มีความสวยงาม มีชื่อเสียง ขณะที่ท่าเรือมารีนาเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มีกำลังจ่ายสูง แต่ยังมีน้อยและกระจุกตัวอยู่ทางด้านบริเวณชายฝั่งอันดามันเท่านั้น

จึงให้เร่งแผนงานโครงการเพื่อพัฒนาท่าเรือมารีนาบริเวณชายฝั่งอ่าวไทย โดยศึกษาและวิเคราะห์ให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี, ศึกษาสำรวจออกแบบท่าเรือต้นทาง สำหรับเรือสำราญขนาดใหญ่ บริเวณอ่าวไทยตอนบน และศึกษาวางแผนแม่บทเพื่อพัฒนาท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ และสำรวจการออกแบบท่าเรือสำราญขนาดใหญ่บริเวณชายฝั่งอันดามัน ซึ่งได้เริ่มศึกษาในปี 2563 โดยจะดำเนินการเวลา 2 ปี เมื่อแล้วเสร็จและเห็นผลเป็นรูปธรรมจะช่วยสร้างรายได้ให้แก่ประเทศเป็นจำนวนมาก กระตุ้นการท่องเที่ยวสำราญทางน้ำ และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวสร้างรายได้ สร้างโอกาสแก่ประชาชน

“แนวทางการพัฒนาท่าเรือมารีนาในรูปแบบการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน หรือ PPP เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการ การบริหารจัดการให้แก่ผู้ใช้บริการ และต้องมีพื้นที่หลังท่า สำหรับพัฒนาแผนธุรกิจที่จะทำให้เกิดความคุ้มค่า ซึ่งมีนักลงทุนจากหลายประเทศให้ความสนใจ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และจีน เป็นต้น จท.จะศึกษาแผนแนวคิด และจุดที่เหมาะสมมีศักยภาพที่จะพัฒนาท่าเรือมารีนา หากมีจำนวนเพิ่มขึ้นจะดึงดูดนักท่องเที่ยวอีกกลุ่ม เป็นการเพิ่มการจัดเก็บรายได้ให้ภาครัฐอีกทาง”

@สั่งเร่งแก้ปัญหาสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ

นอกจากนี้ได้เร่งรัดการแก้ปัญหาสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ หลังจากกรมเจ้าท่าตั้งของบปี 2564 จำนวน 100 ล้านบาทเพื่อดำเนินการแต่ไม่ได้รับจัดสรร ซึ่งจะของบในปี 2566 ดำเนินการต่อไป โดยในพื้นที่เจ้าท่าภูมิภาคสาขาพัทยานั้น จากการตรวจสอบ โดยนำเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศและข้อมูล ภาพถ่ายทางอากาศมาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการสนับสนุนการบริหารงาน และแก้ไขปัญหา ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว พบจำนวน 1,360 รายการ ดังนี้

1) สิ่งล่วงล้ำลำน้ำที่แจ้งการครอบครอง ตาม พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2560 และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 32/2560 จำนวน 1,307 รายการ
2) ขออนุญาต และตรวจพบตาม พ.ร.บ.การเดินเรือฯ จำนวน 53 รายการ
3) สิ่งล่วงล้ำลำน้ำที่ได้รับอนุญาต จำนวน 453 รายการ
4) สิ่งล่วงล้ำลำน้ำที่ไม่ได้รับอนุญาตจำนวน 247 รายการ
5) สิ่งล่วงล้ำลำน้ำที่ไม่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ จำนวน 352 รายการ
6) สิ่งล่วงล้ำลำน้ำที่ไม่อยู่ในอำนาจการพิจารณา จำนวน 308 รายการ

จท. ได้ประชุมคณะทำงานเพื่อบังคับให้มีการรื้อถอนหรือแก้ไขสิ่งล่วงล้ำลำน้ำตามคำพิพากษาหรือคำสั่งให้รื้อถอนหรือแก้ไขสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ ตามคำสั่งกรมเจ้าท่า ที่ 615/2563 เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามข้อกฎหมายที่ถูกต้อง










กำลังโหลดความคิดเห็น