SCCแจงไตรมาส3/64 กำไรวูบ30%อยู่ที่ 6,817ล้านบาท เหตุได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่โควิด-19 และมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้ความต้องการสินค้าลดลง ส่วนงวด 9เดือนปีนี้ มีกำไรสุทธิ38,867ล้านบาท โตขึ้น49 % พร้อมตั้งบริษัทย่อยทำธุรกิจด้านโลจิสติกส์ในฟิลิปปินส์
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่
บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน)(SCC)เปิดเผย ผลประกอบการไตรมาส3/2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 6,817.06 ล้านบาท ลดลง30%จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 9,741.34 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้จากการขายรวม 1.31 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากราคาขายสินค้าเคมีภัณฑ์เพิ่มขึ้น
โดยบริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานปกติ 9,066 ล้านบาท ลดลง 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการที่ลดลงจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของ โควิด-19 และมาตรการล็อกดาวน์ทั้งในและต่างประเทศ เมื่อรวมการขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์และกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุน
ส่วนงวด 9เดือนแรกปี 2564 ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ38,867.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น49%จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 26,096.41ล้านบาท เนื่องจากส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น โดยบริษัทมีรายได้จากการขาย 387,446 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายรุ่งโรจน์ กล่าวต่อไปว่า บริษัทเอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด(SCGL) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้ลงทุน จัดตั้งบริษัทในฟิลิปปินส์เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการด้านขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ การบริหารรถขนส่งสินค้าและระบบสำหรับการจัดการคลังสินค้าสอดรับกับแผนกลยุทธ์การขยายธุรกิจโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียนของบริษัท ใช้เงินลงทุน 7.8 ล้านบาท
ปัจจุบัน SCGLให้บริการด้านโลจิสติกส์ครอบคลุมประเทศต่างๆในภูมิภาคอาเซียนได้แก่ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย กัมพูชา เมียนมา รวมทั้งในตอนใต้ของสาธารณรัฐประชาชนจีน เชื่อมโยงไปยัง มาเลเซียและสิงคโปร์ ดังนั้นการขยายธุรกิจเข้าไปในประเทศฟิลิปปินส์ จะช่วยให้ SCGL มีเครือข่ายการให้บริการที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯได้มีมติอนุมัติแต่งตั้งนายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม เป็นรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และดูแลงานการเงินและการลงทุน บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นไป