ส.อ.ท.โชว์ผลสำเร็จโครงการ Made in Thailand : MiT 6 เดือนรับขึ้นทะเบียนสินค้าแล้วกว่า 2,000 รายเข้าสู่การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐแล้วกว่า 68,000 ล้านบาทช่วยต่อลมหายใจเอสเอ็มอี คาดสิ้นปี 64 จะมีการลงทะเบียนกว่า 5,000 ราย พร้อมทั้งจับมือเครือเซ็นทรัลกรุ๊ปนำผู้ประกอบการในเครือข่ายขึ้นทะเบียนเพิ่ม และต่อยอดส่งออก นำร่องเจรจาการค้ากับบาห์เรน จีน อินเดีย ขยายตลาดต่างประเทศ
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากการผลักดันโครงการ Made in Thailand : MiT เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐทั่วประเทศหันมาใช้สินค้าที่ผลิตภายในประเทศผ่านระเบียบจัดซื้อจัดจ้างภาคัฐที่มีเม็ดเงินกว่า 1.3 ล้านล้านบาทต่อปี ล่าสุด 6 เดือนที่ผ่านมา ส.อ.ท.ได้ดำเนินการขึ้นทะเบียนสินค้า MiT ให้แก่ผู้ประกอบการแล้วกว่า 2,000 ราย โดยล่าสุดข้อมูลจากกรมบัญชีกลางพบว่ามีผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียนกว่า 52% สามารถยื่นเสนองานต่อภาครัฐได้แล้วคิดเป็นมูลค่ากว่า 68,000 ล้านบาท ซึ่งครอบคลุมสินค้าหลากหลายทั้งอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ รวมไปถึงผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) คาดว่าสิ้นปี 2564 จะมีผู้ประกอบการเข้ามาลงทะเบียนกว่า 5,000 ราย มีจำนวนสินค้ากว่า 50,000 รายการ
สำหรับสินค้าที่พบการขึ้นทะเบียนมากสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 อุปกรณ์งานก่อสร้าง อันดับ 2 ผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อันดับ 3 เครื่องปรับอากาศ อันดับ 4 สินค้าและอุปกรณ์ทางการแพทย์ และอันดับ 5 สิ่งทอเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งนับว่าโครงการ MiT ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากหน่วยราชการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมที่ได้ผลักดันนโยบายร่วมกันกับกระทรวงการคลัง หรือหน่วยงานอื่นๆ ที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เช่น ท่าอากาศยานไทย, กรมทางหลวง, สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล, กรมที่ดิน, กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น, โรงพยาบาล และหน่วยงานอื่นๆ
“ขอขอบคุณแทนผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก ถือว่าทุกภาคส่วนได้ร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังยากลำบากจากสถานการณ์โควิด-19 ให้สามารถเดินต่อไปได้ โดยเฉพาะเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจากการพึ่งพาตลาดในประเทศเป็นหลัก จึงเหลือเพียงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่เข้ามาช่วยได้ในยามนี้” นายสุพันธุ์กล่าว
นางพิมพ์ใจ ลี้อิสระนุกูล รองประธาน ส.อ.ท.และประธานสายงานมาตรฐานอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบงาน MiT ของ ส.อ.ท. กล่าวว่า นอกจากโอกาสจากหน่วยรัฐ ส.อ.ท.ได้หารือร่วมกับหน่วยงานเอกชนในส่วนของการขายปลีกและขายส่งเพื่อขยายตลาด ซึ่งในปัจจุบันได้มีพันธมิตรภาคเอกชนรายใหญ่ให้การสนับสนุน เช่น กลุ่มเซ็นทรัลกรุ๊ป ที่กำลังผลักดันผู้ค้าในเครือข่ายมาขึ้นทะเบียน MiT เช่น ไทวัสดุ บีทูเอส และออฟฟิศเมท และหลังจากนี้ ส.อ.ท.จะหารือกับภาคเอกชนรายอื่นๆ ให้ช่วยสนับสนุนเพิ่มเติม เช่น สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย, สมาคมค้าปลีกไทย คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยเหลือเอสเอ็มอีไทยในภาวะที่ยากลำบาก
นอกจากตลาดในประเทศแล้ว ส.อ.ท.ยังร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) สร้างโอกาสทางการค้าในต่างประเทศ โดยนำร่องกลุ่มเอสเอ็มอีเจรจาธุรกิจที่ตลาดบาห์เรน, ตลาดอินเดีย และตลาดจีน ที่นิยมสินค้าไทยอยู่ระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งหากสินค้าได้รับการรับรอง MiT ก็ยังจะสร้างความน่าเชื่อถือและมั่นใจให้แก่คู่ค้าเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ ขอเชิญชวนภาคอุตสาหกรรม ภาคการค้า ภาคบริการ และเอสเอ็มอี ทั้งสมาชิก ส.อ.ท.และเครือข่ายพันธมิตรเข้าร่วมการรับรองสินค้า MiT ได้ที่ www.mit,or,th สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายงานมาตรฐานอุตสาหกรรม ส.อ.ท. โทร. 0-2345-1109 และ 0-2345-1100 หรือ Line : @mitofficial